ข่าว

ศาลฎีกายืนจำคุก"ชาวดัตช์-เมียไทย"ฟอกเงินขายกัญชาต่างประเทศ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คุกสูงสุด 20 ปี "ชาวดัตช์" ส่วนเมีย 7 ปี 6 เดือน ร่วมฟอกเงินค้ากัญชา ถอนเงิน 28 ครั้ง แปลงทรัพย์สินนับร้อยล้าน ซื้อเรือยอชท์-รถพอร์ช-ที่ดินพร้อมบ้าน

 

    27 ส.ค.62 -ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก  ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีฟอกเงิน หมายเลขดำ อ.3423/2557 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 3 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายโจฮันเนส  เพทรุส  มาเรีย ฟาน ลาร์โฮเวน (Mr.Johnnes Petrus Maria  van  laarhoven)  อายุ 59 ปี สัญชาติเนเธอร์แลนด์  และนางมิ่งขวัญ  ฟาน ลาร์โฮเวน หรือแก่นอินทร์ อายุ 37 ปี ภรรยาชาวไทย เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งได้มาจากการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ตามความผิด พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3,5,6,7,60 และพ.ร.บ. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. 2556  

      ตามฟ้องอัยการโจทก์ วันที่ 16 ต.ค.57 บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 3 ก.ค.51 - 2 มิ.ย.57 จำเลยทั้งสองกับพวกอีกหลายคนที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ร่วมกันฟอกเงินโดยสั่งการให้บริษัทเดฟตี้ โฮลดิ้ง จำกัด (Deefety Holdings LTD.) ที่จดทะเบียนไว้ในประเทศไซปรัส ให้โอนเงินซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเข้าบัญชีของจำเลยที่ 1 ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาถนนเลียบชายหาดจอมเทียนพัทยา มูลค่า 5 แสนยูโร ซึ่งเป็นการรับโอนเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิดยาเสพติด และตั้งแต่วันที่ 5 มิ.ย.52 จำเลยทั้งสองกับพวกยังร่วมกันโอนเงินผ่านระบบสื่อสารด้านการเงินระหว่างประเทศในรูปแบบรหัสธนาคาร หรือ SWIFT จากดอยซ์แบงก์ ประเทศเยอรมนี โดยมีธนาคารเอ็ดมอนด์ เดอ รอธไชลด์ ยุโรป ลักเซ็มเบิรก และธนาคารจูเลียส แบร์ ประเทศสิงคโปร์ เป็นสถาบันผู้สั่งโอนเงินหลายครั้งมูลค่าหลายล้านยูโร เข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทยฯ สาขาพัทยาใต้ ของจำเลยที่ 1 

     นอกจากนี้ ระหว่างวันที่ 19 มิ.ย.52 จำเลยทั้งสองกับพวกยังร่วมกันนำเงินที่ได้มาจากการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ไปซื้อที่ดินหลายแปลงพร้อมสิ่งปลูกสร้างในจังหวัดชลบุรี โดยมีบริษัทที่จำเลยกับพวกร่วมกันจดทะเบียนจัดตั้งเป็นผู้ทำนิติกรรมและถือครองทรัพย์สินแทน เพื่อใช้ในการกระทำผิดฐานฟอกเงิน รวมทั้งยังซื้อเรือยอชท์ 2 ลำ รถยนต์ยี่ห้อพอร์ช และรถยนต์นั่งขนาด 7 คน ซึ่งมูลค่าทรัพย์สินมีมากกว่าหลายร้อยล้าน

      โดยเมื่อวันที่ 23 ก.ค.57 เจ้าพนักงานจับกุมตัวจำเลยทั้งสองได้ ในชั้นสอบสวนจำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ ซึ่งคดีดังกล่าวเป็นความผิดเกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร อัยการสูงสุดจึงได้มอบหมายให้พนักงานอัยการ สำนักงานการสอบสวนรับผิดชอบสอบสวนดำเนินคดีจำเลยทั้งสองและเครือข่ายฟอกเงิน ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 สำหรับความผิดฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติได้แยกสำนวนการสอบสวนออกไป เนื่องจากรัฐบาลเนเธอร์แลนด์มีความประสงค์จะขอดำเนินคดีจำเลยกับพวกต่อในประเทศเนเธอร์แลนด์ 

     เหตุเกิดที่  ต.ห้วยใหญ่  อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และที่อื่นเกี่ยวพันกัน  จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดีมาโดยตลอด ซึ่งตลอดการพิจารณาคดีจำเลยทั้งสองไม่ได้รับการประกันตัว โดยทั้งสองถูกคุมขังในเรือนจำคลองเปรม และทัณฑสถานหญิงกลาง  

     ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 10 พ.ย.58 ให้จำคุก "นายโจฮันเนส" จำเลยที่ 1 รวม 43 กระทงเป็นเวลา 103 ปี  ส่วน "นางมิ่งขวัญ" ภรรยา จำเลยที่  2 จำคุก 13 กระทง เป็นเวลา 18 ปี แต่คำให้การและทางนำสืบของจำเลย ยังเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง จึงลดโทษจำคุก "นายโจฮันเนส" จำเลยที่ 1 ไว้ 68 ปี 8 เดือน แต่เมื่อรวมโทษจำคุกทุกกระทงแล้วให้จำคุกจำเลยที่ 1 สูงสุดตามกฎหมายเป็นเวลา  20 ปี ส่วน "นางมิ่งขวัญ" จำเลยที่ 2 คงจำคุก 12  ปี สำหรับความผิดฐานอื่นให้ยก

      ต่อมาจำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์ ได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.60 พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของ "นายโจฮันเนส" จำเลยที่ 1 เป็นความผิด รวม 15 กระทงให้จำคุกกระทงละ 5 ปี เป็นจำคุก 75 ปี ส่วน "นางมิ่งขวัญ" จำเลยที่ 2 กระทำผิด 6 กระทงฐานเป็นตัวการร่วม รวมโทษจำคุก 11 ปี  คำให้การและทางนำสืบของจำเลย ยังเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้างลดโทษให้ 1 ใน 3 เป็นจำคุก "นายโจฮันเนส" จำเลยที่ 1 กำหนด 50 ปี แต่เมื่อรวมโทษจำคุกทุกกระทงแล้วให้จำคุกจำเลยที่ 1 สูงสุดตามกฎหมายเป็นเวลา  20 ปี ส่วน "นางมิ่งขวัญ" จำเลยที่ 2 จำคุกทั้งสิ้น 7 ปี 4 เดือน

     ขณะที่ "อัยการโจทก์" ยื่นฎีกา โดยวันนี้ศาลเบิกตัว "นายโจฮันเนส" จำเลยที่ 1 จากเรือนจำคลองเปรม และ"นางมิ่งขวัญ" จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นภรรยา จากทัณฑสถานหญิงกลาง  ซึ่งระหว่างการฟังคำพิพากษา ก็มีญาติซึ่งเดินทางมามาร่วมให้กำลังใจด้วย 

     โดย "ศาลฎีกา" ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว คดีมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานฟอกเงิน 15 กระทง และจำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกระทำกับจำเลยที่ 1 รวม 6 กระทงตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หรือไม่  "ศาลฎีกา" เห็นว่า การกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 ตามฟ้องโจทก์ 15 ข้อนั้นเป็นเรื่องที่จำเลยโอนเงินจากการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จากสถาบันการเงินในต่างประเทศเข้าบัญชีจำเลยที่ 1 ในไทย รวม 15 กระทง โดยการโอนแต่ละครั้งย่อมถือได้ว่าเป็นการเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินไปจากเดิมเพื่อปกปิดอำพรางแหล่งที่มาของทรัพย์สินซึ่งถือว่าเป็นความผิดที่สำเร็จเด็ดขาดไปในแต่ละครั้ง

      แม้ต่อมาจำเลยที่ 1 ถอนเงินจากบัญชีแล้วนำไปซื้ออสังหาริมทรัพย์และทรัพย์สินต่างๆ หรือเบิกถอนรับเอาเงินไปอีกรวม 28 ครั้ง แต่ก็มีเจตนาเดียวคือประสงค์ซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์นั้นเพียงให้ยากแก่การติดตามทรัพย์สินคืน ไม่ใช่เป็นการกระทำที่แยกต่างหาจากการกระทำผิดที่รับโอนเงิน 15 กระทงนั้น 

      "นายโจฮันเนส" จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานฟอกเงินเพียง 15 กระทง และ"นางมิ่งขวัญ" จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นภรรยา ในความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกระทำผิดด้วยรวม 6 กระทงตามที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของอัยการโจทก์ ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืนให้จำคุกจำเลยที่ 1 สูงสุดตามกฎหมายเป็นเวลา  20 ปี ส่วน "นางมิ่งขวัญ" จำเลยที่ 2 จำคุกทั้งสิ้น 7 ปี 4 เดือน

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดดังนั้นแล้ว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ก็ควบคุมตัวสามี-ภรรยา จำเลยร่วมไปคุมขังยังเรือนจำเพื่อรับโทษตามคำพิพากษาต่อไปซึ่งทั้งสองถูกคุมขังในเรือนจำก่อนหน้านี้มาแล้ว ร่วม 5 ปี 

      ทั้งนี้สำหรับคดีดังกล่าวสืบเนื่องจาก เมื่อวันที่  23 ก.ค. 57 ทางการไทยได้ประสานเจ้าหน้าที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ปส.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) และกระทรวงยุติธรรม ร่วมกันตรวจค้นจับกุม "นายโจฮันเนส" และ "นางมิ่งขวัญ" ภรรยา  จากบ้านพักเนื้อที่ 2  ไร่เศษ  ในสนามกอล์ฟฟินิกซ์ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ยึดเงินสด เครื่องประดับในตู้เซฟ พร้อมสมุดบัญชีธนาคารของนางมิ่งขวัญ รวมทั้งที่ดินอีกหลายแปลงซึ่งอยู่ในสนามกอล์ฟดังกล่าว และสำเนาโฉนดที่ดินจำนวน 8 แปลง เอกสารการเป็นเจ้าของรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ และพอร์ช อีก 5 คัน หนังสือเดินทาง 5 เล่ม สัญญาซื้อขายตึกแถว 1 ห้องใน จ.สมุทรปราการ                     นอกจากนี้ ยังมีอาวุธปืนพกสั้น ยี่ห้อบาร์เร็ตตา ที่จดทะเบียนในนามของนางมิ่งขวัญ จำนวน 2 กระบอก พร้อมกระสุน 159 นัด รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 100 ล้านบาท ที่ได้จากการลักลอบจำหน่ายยาเสพติดในประเทศเนเธอร์แลนด์ แล้วส่งเงินที่กระทำผิดมาฟอกเงินโดยการกว้านซื้อทรัพย์สินต่างๆ

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ