อัจฉริยะ พาภรรยาผู้เสียหายร้อง ปทส. หลังสามีถูกนำสำเนาบัตร ปชช. ไปแอบอ้างตกเป็นแพะตัดไม้พะยูง
ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 9 สิงหาคม 2562 นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม กับ นางใบพร ชัยสวัสดิ์ อายุ 45 ปี ภรรยา นายสมควร ช้างสาร พร้อมครอบครัว เข้าร้องทุกข์ต่อ พล.ต.ต.ปัญญา ปิ่นสุข ผบก.ปทส. กรณีนายสมควรตกเป็นแพะในคดีที่ถูกขบวนการตัดไม้พะยูงนำสำเนาบัตรประชาชนไปแอบอ้างกับพนักงานสอบสวน สภ.นาดี และ สภ.วังตะเคียน จ.ปราจีนบุรี จนนายสมควรต้องถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำกบินทร์บุรี
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2561 ตำรวจ สภ.วังตะเคียน จ.ปราจีนบุรี ได้จับกุม นายสมใจ กับ นายตุ้ย วระลาส ชาวลาว ฐานลักลอบตัดไม้พะยูงได้ โดย น.ส.ชฏาพร วิถาวร ภรรยา นายตุ้ย ซึ่งได้นำสำเนาบัตรประชาชนของนายสมควรมาให้พนักงานสอบสวน โดยอ้างว่าเป็นสามี กระทั่งนำสำนวนส่งอัยการฟ้องศาลกบินทร์บุรี และตัดสินจำคุกนายตุ้ยด้วยชื่อนายสมควร เป็นเวลา 2 ปี 18 วัน โดยรอลงอาญาไว้ก่อน
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ต่อมาวันที่ 28 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน นายตุ้ยได้นำรถยนต์กระบะของนายสมควรออกมาใช้ก่อเหตุลอบขนไม้พะยูง โดยตำรวจ สภ.นาดี ได้ติดตามจับกุมนายตุ้ยซึ่งไหวตัวทันและทิ้งรถยนต์แล้วหลบหนีไป เมื่อตำรวจไปค้นภายในรถพบโทรศัพท์มือถือที่นายตุ้ยทิ้งไว้ ก่อนตรวจสอบพบว่าซิมโทรศัพท์ดังกล่าวถูกเปิดใช้ด้วยชื่อนายสมควร จนกระทั่งตำรวจติดตามจับกุมนายสมควรได้ที่ย่านทองหล่อ กรุงเทพฯ แม้นายสมควรจะระบุว่าในวันเวลาที่เกิดเหตุ ตนยังทำงานเป็นผู้รับเหมาประปาที่ รพ.ศิริราช ซึ่งมีหลักฐานการสแกนมือเข้างานทุกครั้ง โดยมีนายจ้างออกหนังสือยืนยัน แต่ที่สุดแล้วนายสมควรก็ถูกขังตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดนจะประสานทั้งสองโรงพัก ให้ชี้แจงกับทางตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรีอีกครั้ง ในวันที่ 13 สิงหาคม นี้
นางใบพร กล่าวว่า นายตุ้ย กับสามีตน เป็นญาติห่างๆ กัน แต่นายตุ้ยไม่มีบัตรประชาชน เนื่องจากเป็นชาวลาว และได้เข้ามาอาศัยอยู่ด้วยกันกับครอบครัวตนตั้งแต่ปี 2542 จนปัจจุบันลูกของนายตุ้ยมีอายุราว 20 ปีแล้ว โดยในช่วงเวลานั้น นายสมควรไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ไปทำงานที่ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งยังไม่ทราบว่านายตุ้ยได้นำบัตรประชาชนของนายสมควรไปเมื่อไหร่อย่างไร
พล.ต.ต.ปัญญา กล่าวว่า เบื้องต้นตอนนี้มีหลักฐานว่านายตุ้ยเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ชัดเจน ต่อจากนี้จะประสานท้องที่ให้ตรวจสอบข้อมูลทางโทรศัพท์มือถือของนายตุ้ยที่พบอีกครั้งว่านายสมควรไปเกี่ยวข้องกับคดีนี้ และเป็นการสวมบัตรประชาชนหรือไม่ โดยจะตรวจสอบในทุกขั้นตอนตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวน อัยการ และศาล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง