ข่าว

ร้องกองปราบถูกตุ๋นซื้อรถยนต์ผ่านออนไลน์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เจ้าของธุรกิจสาว พร้อมเหยื่อ 6 ราย ร้องกองปราบ ถูกตุ๋นซื้อรถยนต์ผ่านออนไลน์เชิดเงินกว่าล้าน


เจ้าของธุรกิจสาว ชาวจังหวัดหนองบัวลำภู พร้อมเหยื่อถูกตุ๋นรวม 6 ราย หอบหลังฐานร้องกองปราบ หลังถูกสองผัวเมียแก็งมิจฉาชีพ อ้างเป็นตำรวจคอมมาโด หลอกซื้อรถผ่านระบบออนไลน์ ก่อนถูกเชิดเงินกว่า 1 ล้านบาท โวยลั่นแจ้งความตำรวจอุดรธานี นาน 4 เดือน แต่คดีไม่คืบ สุดท้ายต้องวิ่งซบกองปราบ  

 

ร้องกองปราบถูกตุ๋นซื้อรถยนต์ผ่านออนไลน์

 

          กองปราบ - เมื่อเวลา 10.30น. วันที่ 24 เมษายน 2562 น.ส.ณีรตรี ศรีมูลดา อายุ 40 ปี เจ้าของธุรกิจส่วนตัว ชาวจังหวัดหนองบัวลำภู พร้อมด้วยผู้เสียหายรวม 6 ราย ได้เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.อัครวุฒิ จันทร์เจริญ รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ป. เพื่อร้องทุกข์กรณีถูก นายพันอินทร์ อินทะมนต์ ซึ่งอ้างตัวเองว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม (กองปราบ) หลอกขายรถยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านเฟซบุ๊ก โดยเมื่อชำระเงินไปแล้ว คนร้ายรายนี้ได้ปิดเฟซบุ๊กหนี และโทรศัพท์ติดต่อกลับไม่ได้ รวมมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท 

 

ร้องกองปราบถูกตุ๋นซื้อรถยนต์ผ่านออนไลน์

 

          น.ส.ณีรตรี กล่าวว่า ตนรู้จักกับนายพันอินทร์ ผ่านคนรู้จักที่ประกอบอาชีพขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ตนจึงเกิดความสนใจ และติดต่อไปหาคนร้ายผ่านเฟซบุ๊กชื่อ “มิ๊กซ์ มิ๊กซ์” เพื่อสั่งซื้อรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า คลิ๊ก ในราคา 8,000 บาท ผ่านเข้าบัญชีของ น.ส.ธิยากร ภาสกรกูลหัสดิน ซึ่งทราบภายหลังเป็นภรรยาของนายพันอินทร์ ต่อมาตนได้รับรถจริงจึงทำให้หลงเชื่อ และสั่งซื้อรถยนต์ในราคา 3 หมื่นบาท โดยทางนายพันอินทร์ ให้เหตุผลที่รถมีราคาถูกว่า เพราะเป็นของหลุดจำนำ และเป็นสินค้าที่ไม่ถูกกฎหมาย แต่ตนเป็นข้าราชการสามารถช่วยดำเนินการได้ ตนก็ยินยอม แต่ผ่านมาหลายเดือน นายพันอินทร์ ก็ได้บ่ายเบี่ยงที่จะส่งรถมาให้ตลอด โดยอ้างว่ากลัวด่านตรวจ 
 

 

          น.ส.ณีรตรี กล่าวอีกว่า หลังจากถูกบ่ายเบี่ยงมาตลอด จึงเกิดความสงสัยและเกรงว่าจะถูกหลอก ดังนั้น จึงได้ขอให้นายพันอินทร์ คืนเงินให้ แต่ก็ถูกบ่ายเบี่ยงอีก จึงบอกนายพันอินทร์ ไปว่าตนจะเข้าแจ้งความ แต่นายพันอินทร์ กลับขู่ตนว่าไม่กลัว เพราะเป็นตำรวจคอมมานโด และรู้จักกับคนใหญ่โตในกองปราบ อีกทั้งยังจะแจ้งความฐานแจ้งความเท็จกลับอีกด้วย 

 

      ดังนั้น ตนจึงได้ตัดสินใจไปแจ้งความที่ สภ.เมืองอุดรธานี แต่เวลาล่วงเลยมานานกว่า 4 เดือนแล้ว คดีกลับไม่มีความคืบหน้า ทำให้ต้องเดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม พร้อมให้ช่วยตรวจสอบบุคคลดังกล่าวด้วยว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดจริงหรือไม่  

 

          เบื้องต้น ร.ต.อ.อัครวุฒิ ได้สอบปากคำผู้เสียหาย พร้อมรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาต่อไป

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ