พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผงาดนั่งเก้าอี้ ผบช.สตม.

 

               เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 19 เม.ย. 62 ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 4 /2562 โดยมี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และรอง ผบ.ตร. เข้าร่วม โดยใช้เวลาประชุมประมาณ 45 นาที

 

 

 

               พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวภายหลังการประชุม ก.ตร. ว่า ในวันนี้มีการประชุมวาระการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจในตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษ ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ตร. และผู้ทรงคุณวุฒิ และได้มีการแต่งตั้ง พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.ตชด. ไปนั่งเป็น ผบช.สตม. แทน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล และให้ พล.ต.ท.วิชิต ปักษา ผบช.ประจำสำนักงาน ผบ.ตร. เป็น ผบช.ตชด.

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

               สำหรับ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง หรือ "บิ๊กอู๊ด" นักเรียนนายร้อยตำรวจสามพรานรุ่นที่ 40 (นรต.40) เกิดในค่ายทหารที่ จ.ลพบุรี บิดาเป็นทหารยศร้อยตรี มารดาอาชีพค้าขาย ญาติพี่น้องส่วนใหญ่รับราชการทหาร เป็นที่รู้จักของใครหลายคน เมื่อครั้งเป็นรองผู้กำกับการ 2 กองปราบปราม (รองผกก.2 บก.ป.) ซึ่งเป็นผู้ที่นำกำลังตำรวจคอมมานโดกองปราบฯ บุกจับกุม พ.ต.เฉลิมชัย มัจฉากล่ำ หรือ "ผู้พันตึ๋ง" นายทหารที่มีอิทธิพลมากในเวลานั้น และเป็นผู้ต้องหาคดีฆ่าผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร เมื่อปี 2544 โดย "บิ๊กอู๊ด" ได้วางแผนนำกำลังเข้าจับกุมได้ จนต่อมาได้รับฉายาว่า "มือปราบผู้พันตึ๋ง"

               หลังจากผลงานสืบสวนเข้าตานายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ จนทำให้ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในขณะนั้น แต่งตั้่งให้เป็นนายตำรวจติดตาม (นายเวร) ในอัตราพันตำรวจเอก (พ.ต.อ.) ก่อนจะได้มีโอกาสลงไปทำงานในชายแดนใต้ เนื่องจากต้องติดตาม ผบ.ตร. ที่ลงไปแก้ไขปัญหาชายแดนใต้ ก่อนจะขยับมารับตำแหน่ง ผู้กำกับการ 5 กองปราบปราม (ผกก.5 บก.ป.) ดูแล 14 จังหวัดภาคใต้ ก็ยังคงทำผลงานอย่างต่อเนื่องในคดีสำคัญ อย่างเช่น คดีหนุ่มตัดนิ้วมือตัวเองเพื่อหวังเงินประกันชีวิต

               ถัดมาช่วงเปลี่ยน ผบ.ตร. มาเป็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียาเวส ถูกสั่งย้ายมาเป็น ผู้กำกับการ สภ.ยี่งอ จ.นราธิวาส พื้นที่สีแดง โดยตลอดเวลา 2 ปี ที่อยู่ สภ.ยี่งอ ก็ไม่ย้อท้อทำงานต่อเนื่อง ทั้งงานสืบสวน งานมวลชน จนได้เลื่อนตำแหน่งเป็น รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส (รอง ผบก.ภ.จว.นราธิวาส) และได้ขยับมาเป็น รองผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 3 (รอง ผบก.ส.3)

 

 

 

               "บิ๊กอู๊ด" ติดดาวนายพลในตำแหน่ง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอน (ผบก.ภ.จว.แม่ฮ่องสอน) เรียกได้ว่าทำงานต้้งแต่ใต้สุดจนถึงเหนือสุด "ตำรวจมีฝีมืออยู่ที่ไหนก็ทำงานได้" ก่อนที่ "บิ๊กอู๊ด" จะได้กลับมาพื้นที่นครบาลในตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจอารักขาและควบคุมฝูงชน (ผบก.อคฝ.) จากนั้นเลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 (รอง ผบช.ภ.5) ดูแลพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ก่อนที่จะโยกมาเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (รอง ผบช.ปส.) และย้ายมาเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ทำผลงานอย่างต่อเนื่องจนได้รับการไว้วางใจให้ขึ้นเป็น ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ผบช.ตชด.)

               การมานั่งหัวเรือใหญ่ตำรวจตระเวนชายแดนของ "บิ๊กอู๊ด" ปรากฏผลงานมากมายทั้งออกสื่อและไม่ออกสื่อ อย่างเช่น งานสืบสวนที่เป็นงานถนัดของตัวเองแล้ว ได้มีการจัดอบรมให้กับตำรวจตระเวนชายแดน ในโครงการสืบสวนโดยการใช้เทคโนโลยี พร้อมการฝึกการใช้อาวุธเพื่อเสริมประสิทธิภาพให้แก่กองกำลังอีกด้วย ส่วนงานด้านปราบปรามยาเสพติด และแก๊งมอดไม้ลอบตัดป่า ก็ทำต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีงานเกี่ยวกับโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ที่อยู่ภายใต้การอุปถัมภ์ของ "สมเด็จย่า" สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ก็ยังพัฒนาไปข้างหน้าอีกด้วย

               เรียกได้ว่าเป็นนายตำรวจมากฝีมือและครบเครื่องคนหนึ่ง ก่อนที่จะก้าวเข้ามาทำงานในตำแหน่งสำคัญอย่าง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.)