ข่าว

รวบ 4 นักตุ๋นหลอกเหยื่อสูญกว่า 200 ล้าน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ตำรวจกองปราบฯรวบ 4 ผู้ต้องหา สร้างละครอ้างเคลียร์เรื่องรับมรดกพันล้าน หลอกเอาเงินเหยื่อ สูญกว่า 200 ล้านบาท

 

              เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 2 เมษายน ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) ถนนพหลโยธิน พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. พร้อมด้วยพ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก 5 บก.ป. และตำรวจกก.5 บก.ป. แถลงผลการจับกุมน.ส.สุภิช นิมิตนิวัช อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15/1 ม.4 ต.ดอนกระเบื้อง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี น.ส.ผาณิตา นารถไพรินทร์ อายุ 52 ปีอยู่บ้านเลขที่ 76/112 ม.5 ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายชัยชนะ จันทรา อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 132/1 ม. 3 ต.หนองสาหร่าย อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี และน.ส.มาริษา โสมบ้านกรวย อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 72/184 ม.4 ต.คลองพระอุดม อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ จ.103-106/2562 ลงวันที่ 21 มีนาคม 2562 ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น” หลังได้ร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหายออกอุบายให้ช่วยเหลือเงินค่าดำเนินการเรื่องมรดก สร้างตัวละครต่างๆ จนผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินรวมจำนวน 597 ครั้ง เป็นเงินกว่า 232,910,617 บาท

 

 

 

              สืบเนื่องจากเมื่อปี 2559 ผู้เสียหายได้รู้จัก น.ส.สุภิช ผ่านคนรู้จัก จากนั้น น.ส.สุภิช ได้หลอกลวงผู้เสียหายว่ากำลังดำเนินการเรื่องทรัพย์มรดกของแพทย์หญิงรายหนึ่งซึ่งเป็นตัวละครที่อุปโลกน์ขึ้นมา โดยหลอกลวงว่าเนื่องจากแพทย์หญิงดังกล่าวได้อาสาไปทำงานที่ จ.ยะลา ร่วมกับกองทัพบกและได้เสียชีวิตลงด้วยเหตุระเบิดของผู้ก่อความไม่สงบ ซึ่งแพทย์หญิงได้ทำพินัยกรรมเกี่ยวกับมรดกตลอดจนสิทธิในการรับเงินช่วยเหลือจากกระทรวงกลาโหมและหน่วยงานต่างๆ รวมเป็นเงินกว่า 1,000 ล้านบาท โดยได้ทำพินัยกรรมมอบให้กับน.ส.ผาณิตา โดย น.ส.ผาณิตา ไม่มีเงินในการดำเนินการเรื่องพินัยกรรม และมาขอความช่วยเหลือจาก น.ส.สุภิช ในการดำเนินการจัดการเรื่องมรดกของแพทย์หญิง แต่การดำเนินการเรื่องพินัยกรรมนั้นจำเป็นจะต้องใช้เงินในการวางเป็นหลักประกันในการเปิดพินัยกรรมและค่าใช้จ่ายในการดำเนินการให้แก่เจ้าหน้าที่ทหารกองทัพบกซึ่งเป็นผู้ดูแลพินัยกรรมและติดตามเรื่องขอเงินช่วยเหลือจากกองทัพบกและหน่วยงานอื่นๆ อีกรวม 14 หน่วยงาน

              น.ส.สุภิช และ น.ส.ผาณิตา ได้อ้างต่อว่า ต้องการใช้เงินในการดำเนินการก่อนที่จะถึงกำหนดการเปิดพินัยกรรมเบื้องต้นของแพทย์หญิง จำนวนเงิน 235,000,000 บาท โดย น.ส.สุภิช อ้างว่าได้ใช้เงินส่วนตัวจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่ทหารในส่วนของกองทัพบกไปแล้วกว่า 50 ล้านบาท ในการดำเนินการ โดย น.ส.ผาณิตา จะชดใช้เงินคืนให้กับน.ส.สุภิชพร้อมกับเงินค่าตอบแทนที่ให้ความช่วยเหลืออีก 300,000,000 บาท แต่ตอนนี้น.ส.สุภิช ไม่สามารถหาเงินเพื่อส่งให้เจ้าหน้าที่ทหารกองทัพบกได้ จึงขอยืมเงินผู้เสียหายครั้งแรกจำนวน 500,000 บาท เพื่อโอนเงินให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลเรื่องมรดกตามพินัยกรรมของแพทย์หญิง ด้วยความเชื่อผู้เสียหายจึงได้นัด น.ส.สุภิช ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สาขาราชบุรีแล้วเบิกเงินสดจากธนาคาร ก่อนมอบเงินจำนวน 500,000 บาทให้กับ น.ส.สุภิช

 

 

รวบ 4 นักตุ๋นหลอกเหยื่อสูญกว่า 200 ล้าน

 

 

 

              ต่อมาอีก 4 วัน หลังจากส่งมอบเงินให้น.ส.สุภิช ไปก่อนหน้านี้ น.ส.สุภิช ได้บอกกับ น.ส.ปาณิสรา ว่าต้องการเงินอีกจำนวน 520,000 บาท เพื่อใช้ในการดำเนินการ ผู้เสียหายจึงได้เบิกเงินจากธนาคารจำนวน 520,000 บาท มอบให้กับ น.ส.สุภิช จากนั้น น.ส.สุภิช ได้สั่งจ่ายเช็คธนาคารให้กับผู้เสียหายจำนวน 2 ฉบับ เพื่อเป็นหลักประกัน แต่เมื่อเช็คถึงกำหนดชำระ น.ส.สุภิช ได้บอกผู้เสียหายว่าอย่างเพิ่งนำเช็คที่มอบให้ไปขึ้นเงิน จึงทำให้ผู้เสียหายเริ่มสงสัยและไม่เชื่อตามคำกล่าวอ้างเรื่องพินัยกรรมดังกล่าว น.ส.สุภิช จึงได้หลอกว่าถ้าไม่เชื่อจะให้เจ้าหน้าที่ทหารที่ดูแลพินัยกรรม โทรศัพท์มาพูดคุยและอธิบายเรื่องต่างๆ ต่อมาได้มีนายชัยชนะ จันทรา ซึ่งอ้างตนเป็นพันโทอนิรุทธิ์ สว่างอารมณ์ ได้โทรมาพูดคุยกับผู้เสียหาย และได้อธิบายเกี่ยวกับการที่จะมีสิทธิรับมรดกตามพินัยกรรมว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้างก่อนที่จะเปิดพินัยกรรมส่งมอบเงินและทรัพย์สินตามพินัยกรรมให้กับน.ส.ผาณิตา

              ต่อมา น.ส.สุภิช ได้นัดผู้เสียหายให้มาหา พันโทอนิรุทธิ์ ที่วัดชลประทานรังสฤษดิ์ จ.นนทบุรี ผู้เสียหายจึงได้เดินทางไปพร้อมกับเพื่อน เมื่อไปถึงได้พบกับพบน.ส.สุภิช ,น.ส.ผาณิตา ,นายชัยชนะ ซึ่งอ้างตัวเป็นพันโทอนิรุทธิ์ และน.ส.มาริษา โสมบ้านกรวย ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นร้อยโทหญิงรัตนา คงวิเศษ โดยมีการยืนยันกับผู้เสียหายว่า น.ส.ผาณิตา เป็นผู้มีสิทธิได้รับพินัยกรรมของแพทย์หญิงสุวิภา แต่จำเป็นที่จะต้องหาเงินมาวางเพื่อเป็นหลักประกันและค่าดำเนินการ ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้ทำการโอนเงินให้กับกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 4 อีกจำนวน 597 ครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 232,910,617 บาท

              ต่อมาผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม ต่อมาพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 4 กระทั่งเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2562 ตำรวจกองกำกับการ 5 กองปราบ ได้เข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 4 โดยสามารถจับกุมผู้ต้อหาได้ทั้งหมด โดยสามารถจับกุม น.ส.สุภิช นิมิตนิวัช อายุ 61 ปี ได้ที่หน้าบ้านเลขที่ 15/1 ม.4 ต.ดอนกระเบื้อง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี , น.ส.ผาณิตา นารถไพรินทร์ อายุ 52 ปี จับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 187/181 ม.5 ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี , นายชัยชนะ จันทรา อายุ 45 ปี จับกุมได้ที่หน้าบ้านเลขที่ 132/1 ม.3 ต.หนองสาหร่าย อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี และ น.ส.มาริษา โสมบ้านกรวย อายุ 42 ปี จับกุมได้ที่หน้าบ้านเลขที่ 132/1 ม.3 ต.หนองสาหร่าย อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี

              ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ