ข่าว

ปส. จับบิ๊กลอต 800 ล้านบาท

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รอง ผบ.ตร. พร้อมแม่ทัพภาค 3 แถลงจับบิ๊กลอต 3 คดี ยึดของกลางพร้อมทรัพย์สินรวมมูลค่ากว่า 800 ล้านบาท

 

               ที่ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 21 มี.ค. 62  พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ท.ฉลองชัย ชัยยะคำ แม่ทัพภาคที่ 3 ผอ.ศป.ปส.ทภ.3 พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผบช.ปส. พล.ต.ต.อาชวันต์ โชติกเสถียร รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.ชาตรี ไพศาลศิลป์ รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.กรณ์ณพัชญ์ กิตติพิบูลย์ รอง ผบช.ปส. , พล.ต.ต.สุรศักดิ์ ขุนณรงค์ ผบก.ปส.1 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผบก.ปส.2 โฆษก บช.ปส. พล.ต.ต.วัชระ ทิพย์มงคล ผบก.ปส.3 พล.ต.ต.กิตติ สะเภาทอง ผบก.ปส.4 พล.ต.ต.บัญชา ศรีพัทยากร ผบก.สกส.บช.ปส. พล.ต.ต.ชยพจน์ หาสุณหะ ผบก.ขส.บช.ปส. และนายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการ ป.ป.ส. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 3 คดี ได้ผู้ต้องหาร 4 คน เสียชีวิตขณะจับกุม 1 คน พร้อมตรวจยึดของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 8,000,000 เม็ด ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) จำนวน 2,070 กรัม โคเคอีน 1,546 กรัม รถยนต์ มูลค่ายาเสพติดที่ตรวจยึดได้รวมกว่า 803,616,000 ล้านบาท

 

 

 

               คดีแรก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 และ กก.3 บก.ปส.3 บช.ปส.พร้อม บก.ขส.บช.ปส. ร่วมกันทำการสืบสวนจับกุมกุมตัว นายบุญส่ง วูซือกู่ อายุ 27 ปี ชาวเชียงราย (เสียชีวิตขณะจับกุม) นายพีระ อางี อายุ 25 ปี ชาวเชียงราย และนายลีซอ อางี อายุ 23 ปี ชาวเชียงราย พร้อมด้วยของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) 4,000 มัด หรือประมาณ 8,000,000 เม็ด รถยนต์กระบะ โตโยต้า รุ่น รีโว่ สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน ผจ 7476 เชียงราย รถยนต์กระบะ ฟอร์ด สีเทา หมายเลขทะเบียน ผจ 8424 เชียงราย รถยนต์กระบะ เชฟโรเลต สีขาว หมายเลขทะเบียนป้ายแดง ผ 0875 กรุงเทพมหานคร อาวุธปืนพกสั้นแบบรีวอลเวอร์ ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก โทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง

               พล.ต.ต.วัชระ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 16 มี.ค. เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีจะกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดกลุ่มอาข่าดอยแม่สลอง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เครือข่ายนายบุญส่ง จะทำการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากจากบริเวณชายแดนในเขตพื้นที่ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ไปส่งให้กับกลุ่มลำเลียงในพื้นที่ อ.เมือง จ.เชียงราย เพื่อลำเลียงต่อไปส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ในห้วงวันที่ 15 - 16 มี.ค. โดยจะใช้รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่น รีโว่ ทะเบียน ผจ 7476 เชียงราย ในการลำเลียงยาเสพติดและจะมีพวกของนายบุญส่งขับรถยนต์อีกหลายคันร่วมกันลำเลียงและนำทางคุ้มกันการลำเลียงยาเสพติดดังกล่าวด้วย ชุดสืบสวนจึงจัดกำลังเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณริมถนนพหลโยธิน ในเขตพื้นที่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย และเส้นทางที่คาดว่ากลุ่มผู้ค้าจะใช้

 

 

 

               พล.ต.ต.วัชระ กล่าวต่อว่า กระทั่งเมื่อวันที่ 15 มี.ค. ชุดสืบสวนพบรถยนต์กระบะ เชฟโรเลต สีขาว หมายเลขทะเบียนป้ายแดง ผ 0875 กรุงเทพมหานคร ออกมาทางเส้นดอยตุงสายเก่าเข้าสู่ถนนพหลโยธิน โดยมีรถยนต์กระบะ โตโยต้า รุ่น รีโว่ สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน ผจ 7476 เชียงราย และรถยนต์กระบะ ฟอร์ด สีเทา หมายเลขทะเบียน ผจ 8424 เชียงราย แล่นตามมา เจ้าหน้าที่สังเกตพบว่าบริเวณท้ายกระบะของรถยนต์กระบะ โตโยต้า และกระบะ ฟอร์ด มีสิ่งของลักษณะมีน้ำหนักมากบรรทุกมาด้วย โดยมีผ้าใบปิดคลุมไว้ ซึ่งเชื่อว่ารถยนต์กระบะทั้งสองคันน่าจะมียาเสพติดซุกซ่อนลำเลียงมาด้วย

               ชุดสืบสวนจึงได้แบ่งกำลังแยกติดตามรถยนต์กระบะทั้ง 3 คัน แต่กลุ่มผู้ต้องหาไหวตัวทันเร่งความเร็วและพยายามแยกย้ายกันหลบหนี โดยรถยนต์กระบะ เชฟโรเลต ได้ขับนำไปใช้เส้นทางไปยัง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ส่วนรถยนต์กระบะ โตโยต้า และฟอร์ด ได้แล่นตามกันไป ชุดสืบสวนได้หยุดรถยนต์กระบะ เชฟโรเลต และรถยนต์กระบะ ฟอร์ด ได้ที่บริเวณริมถนนพหลโยธิน ต.ป่าซาง อ.แม่จัน จ.เชียงราย สามารถจับกุมนายพีระ และนายลีซอ เอาไว้ได้ ส่วนรถยนต์กระบะ โตโยต้า ที่แล่นตามมาซึ่งมีนายบุญส่ง วูซือกู่ (ทราบภายหลัง) ได้เร่งความเร็วแซงเพื่อพยายามหลบหนี ชุดสืบสวนได้ไล่ติดตามและได้ใช้อาวุธปืนยิงไปที่ยางรถยนต์จนกระทั่งรถยนต์กระบะคันดังกล่าวไม่สามารถแล่นต่อไปได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะขอเข้าทำการตรวจค้น นายบุญส่งได้เปิดประตูรถยนต์กระบะพร้อมกับชักอาวุธปืนพกสั้นยิงใส่เจ้าหน้าที่ จำนวน 2 นัด เจ้าหน้าที่ได้ใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้เพื่อป้องกันตัว เป็นเหตุให้นายบุญส่งเสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที ทั้งนี้ ผลการตรวจค้นภายในรถยนต์กระบะ ฟอร์ด นายพีระนั่งอยู่บริเวณที่นั่งคนขับ มาเพียงคนเดียว ตรวจค้นบริเวณท้ายกระบะ พบยาบ้าจำนวนประมาณ 4,200,000 เม็ด ตรวจค้นรถยนต์กระบะ โตโยต้า พบยาบ้า จำนวนประมาณ 3,800,000 เม็ด อยู่บริเวณท้ายกระบะเช่นกัน รวมยาบ้าจำนวน 8,000,000 เม็ด จึงตรวจยึดไว้เป็นของกลาง ในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถสกัดจับผู้ต้องหาที่เหลือเอาไว้ได้

 

 

 

               แจ้งข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับนายบุญส่ง ต่อสู้ขัดขวางและพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่าได้ปฏิบัติการตามหน้าที่ , มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันสมควร เพิ่มอีก 1 ข้อหา ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส.3 ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

               คดีที่ 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปส.3 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ศุลกากร เจ้าหน้าทีตรวจคนเข้าเมือง และเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว ร่วมกันจับกุม นายแบมบ้า อดามา (MR. BAMBA ADAMA) อายุ 47 ปี สัญชาติ ไอวอรี่โคสต์ พร้อมด้วยของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 2 โคคาอีน (COCAINE) ทั้งสิ้น 70 ก้อน น้ำหนักประมาณ 1,546 กรัม โทรศัพท์เคลื่อนที่ จำนวน 2 เครื่อง

               พล.ต.ต.วัชระ กล่าวว่า สำหรับคดีนี้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สืบสวนโดยวิเคราะห์ความเสี่ยงในการลักลอบนำยาเสพติดให้โทษเข้ามาในราชอาณาจักร จากรายชื่อผู้โดยสารของสายการบินเป้าหมาย พบผู้โดยสารต้องสงสัยชื่อ นายแบมบ้า อดามา (MR. BAMBA ADAMA) ชุดจับกุมจึงได้เฝ้าสังเกตการณ์บริเวณประตูสะพานเทียบเครื่องบิน จนกระทั่งผู้ต้องสงสัยเดินออกมาจากประตู ชุดจับกุมได้ติดตามไปจนถึงช่องตรวจของศุลกากรไม่มีสิ่งของต้องสำแดง (ช่องเขียว) ฝั่งตะวันตก โซน C ชั้น 2 อาคารผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ สนามบินสุวรรณภูมิ และได้ขอให้ชายต้องสงสัยนำสัมภาระเข้าเครื่องเอกซเรย์ เบื้องต้นไม่พบสิ่งผิดปกติในกระเป๋าสะพายข้างที่ผู้ต้องสงสัยถือขึ้นเครื่อง เจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบถามและขอให้ผู้ต้องสงสัยไปเอกซเรย์ร่างกายเพื่อตรวจสอบสิ่งแปลกปลอมที่โรงพยาบาล จากการตรวจสอบภาพเอกซเรย์ แพทย์ระบุว่าพบสิ่งแปลกปลอมอัดแน่นอยู่ในลำไส้ใหญ่ ต่อมานายแบมบ้ายอมรับว่าได้กลืนยาเสพติดเข้าไปในร่างกาย เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวนายแบมบ้าไว้เพื่อรอการขับถ่ายสิ่งแปลกปลอมออกจากร่างกาย

 

 

 

               พล.ต.ต.วัชระ กล่าวต่อว่า ต่อมานายแบมบ้าได้ขับถ่ายสิ่งแปลกปลอมลักษณะเป็นผงสีขาวบรรจุห่อหุ้มด้วยพลาสติกใสออกมาทั้งสิ้น 70 ก้อน น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 1,546 กรัม เมื่อทำการตรวจสอบด้วยน้ำยาทดสอบเบื้องต้นของยาเสพติดชนิดโคคาอีน เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวนายแบมบ้าไว้และนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส.3 เพื่อดำเนินคดี ในข้อหานำยาเสพติดให้โทษประเภท 2 โคคาอีน เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และมียาเสพติดให้โทษประเภท 2 โคคาอีน ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อดำเนินคดีต่อไป

               คดีสุดท้าย เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปส.3 ทำการสืบสวนจับกุม นายอนุชา กรินวงศา อายุ 28 ปี ชาว อ.เวียงสา จ.น่าน พร้อมของกลาง ไอซ์ รวมทั้งสิ้น 10 ห่อ น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้ม 2,070 กรัม และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง

               พล.ต.ต.วัชระ กล่าวว่า คดีดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 มี.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ร่วมกันทำการสืบสวนเครือข่ายการลักลอบขนยาเสพติดออกนอกราชอาณาจักร ผ่านสนามบินสุวรรณภูมิ จนเมื่อวันที่ 18 มีนาคม ที่ผ่านมา มีรายงานแจ้งว่า พบวัตถุต้องสงสัยอยู่ภายในกระเป๋าสัมภาระของนายอนุชา ที่กำลังรอขึ้นเครื่องอยู่บริเวณห้องโถงผู้โดยสารประตูทางออก E7 จึงประสานเจ้าหน้าที่สายการบินพบนายอนุชา พร้อมกระเป๋าสัมภาระ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวขอตรวจสอบหนังสือเดินทางและตรวจค้นสัมภาระต่อหน้านายอนุชา พบว่าในส่วนพื้นของกระเป๋าเดินทางผ้าแบบลากจูงทำเป็นช่องลับ เมื่อเปิดดูพบด้านในมีห่อฟอยล์ มีสัมผัสเป็นเกล็ดของแข็งซุกซ่อนอยู่ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจสอบอย่างละเอียดพบผลึกเป็นเกล็ดใสบรรจุในถุงพลาสติกใส จำนวน 10 ห่อ ตรวจสอบน้ำยาทดสอบสารเสพติดพบเป็นวัตถุออกฤทธิ์ประเภทเมทแอมเฟตามีน หรือ ไอซ์ จึงทำการจับกุมนายอนุชาไว้พร้อมนำตัวและของกลางส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.3 บช.ปส. ดำเนินคดีข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์ หรือ เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามนำยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์ หรือ เมทแอมเฟตามีน) ออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตต่อไป

               พล.ต.ท.ชินภัทร กล่าวว่า การจับกุมทั้ง 3 คดี เป็นความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสืบสวน ซึ่งหลังจากนี้จะทำการขยายผลเครือข่ายทั้งหมดเพื่อหาตัวผู้ร่วมขบวนการ ซึ่งหาตรวจสอบพบว่าผู้ใดมีส่วนเกี่ยวข้องก็จะสืบสวนจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

 

 

ปส. จับบิ๊กลอต 800 ล้านบาท

 

 

 

ปส. จับบิ๊กลอต 800 ล้านบาท

 

 

 

ปส. จับบิ๊กลอต 800 ล้านบาท

 

 

 

ปส. จับบิ๊กลอต 800 ล้านบาท

 

 

 

ปส. จับบิ๊กลอต 800 ล้านบาท

 

 

 

ปส. จับบิ๊กลอต 800 ล้านบาท

 

 

 

ปส. จับบิ๊กลอต 800 ล้านบาท

 

 

 

ปส. จับบิ๊กลอต 800 ล้านบาท

 

 

 

ปส. จับบิ๊กลอต 800 ล้านบาท

 

 

 

ปส. จับบิ๊กลอต 800 ล้านบาท

 

 

 

ปส. จับบิ๊กลอต 800 ล้านบาท

 

 

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ