ข่าว

ลุ้นอุทธรณ์โทษจำคุกคดี "เปรมชัย" ล่าเสือดำ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"โฆษกศาล" เผยให้ประกัน "เปรมชัย - พวก" รวม 3 คน "รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด" แจงขั้นตอน เตรียมพิจารณาโทษ - ข้อหาที่ยก ลุ้นอุทธรณ์คดี

 

               เมื่อวันที่ 19 มี.ค. 62 เวลา 11.00 น.  นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยถึงผลการขอประกันตัว นายเปรมชัย และพวกนายพราน คดีครอบครองซากสัตว์คุ้มครองไก่ฟ้าหลังเทา และเสือดำ ว่า  คุก 16 เดือน "เปรมชัย" ล่าเสือดำ (อ่านต่อ...)

 

 

 

               หลังจำเลยที่ 1 , 2 และ 4 ที่ศาลพิพากษาจำคุกโดยไม่รอลงอาญา ได้ยื่นประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ ล่าสุด ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดทองผาภูมิ พิจารณาคำร้องประกอบพฤติการณ์แล้วเห็นว่า ระหว่างการพิจารณาคดีจำเลยไม่มีพฤติการณ์หลบหนี และหลักประกันที่เรียกมาในศาลชั้นต้นพอสมควรแล้ว จึงอนุญาตให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวโดยใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสด จำนวน 400,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 4 เนื่องจากมีข้อหาที่มีอัตราโทษหนักกว่า จึงอนุญาตให้ประกัน จำนวน 500,000 บาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล

               นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้กล่าวอธิบายขั้นตอนการพิจารณาอุทธรณ์คดีล่าเสือดำในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าว่า คดีนี้ศาลตัดสินจำคุกนายเปรมชัย จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 16 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ ส่วนนายยงค์จำเลยที่ 2 ศาลจำคุก 13 เดือน ไม่รอการลงโทษเช่นกัน ขณะที่นางนที จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นแม่ครัว ศาลจำคุก 4 เดือน พร้อมปรับ 10,000 บาท แต่โทษจำคุกให้รอลงการลงโทษไว้ มีกำหนด 2 ปี ส่วนนายธานี จำเลยที่ 4 เป็นนายพรานจำคุกทั้งสิ้น 2 ปี 17 เดือน โดยไม่มีข้อหาใดที่ยกฟ้อง และศาลยังมีคำพิพากษาให้นายเปรมชัย จำเลยที่ 1 และนายธานี จำเลยที่ 4 ร่วมกันชดใช้เงินค่าเสียหายจากการกระทำผิด เป็นเงิน 2 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี โดยเมื่อศาลมีคำพิพากษาตามขั้นตอนของกฎหมาย หากคู่ความฝ่ายใดไม่ว่าจะเป็นฝ่ายพนักงานอัยการหรือฝ่ายจำเลยทั้งสี่ ถ้าไม่พอใจในผลคำพิพากษาของศาลก็สามารถที่จะยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาได้ภายในกำหนดระยะเวลา 1 เดือน แต่หากการจัดเตรียมเอกสารในการยื่นอุทธรณ์ยังไม่แล้วเสร็จภายในช่วงระยะเวลาดังกล่าว ก็ยังสามารถยื่นขอขยายคำอุทธรณ์ได้

 

 

 

               รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวอีกว่า ในส่วนภารกิจของสำนักงานอัยการสูงสุดต่อจากนี้ในเรื่องการพิจารณาอุทธรณ์คดีนั้น ตามระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาในชั้นศาลสูง กำหนดหลักเกณฑ์ไว้ว่า เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการตัดสินของศาลชั้นต้นแล้ว ถ้อยคำสำนวนรวมทั้งคำพิพากษาทั้งหมดจะถูกส่งไปให้อธิบดีอัยการศาลสูงภาค 7 ซึ่งจะมีทีมงานของอัยการคดีศาลสูงภาค 7 พิจารณารายละเอียดคดีทั้งหมดอีกครั้งหนึ่งว่า การที่ศาลตัดสินเช่นนี้อัยการคดีศาลสูงภาค 7 จะมีความเห็นด้วยหรือเห็นต่างอย่างไร ถ้าเห็นด้วยกับผลคำพิพากษาดังกล่าวก็จะไม่ยื่นอุทธรณ์ หากเห็นต่างก็จะต้องสรุปประเด็นที่เห็นต่างเพื่อยื่นอุทธรณ์ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการยกฟ้องจำเลยบางคนในบางข้อหาหรืออัตราโทษที่พิพากษาไปแล้วมีความหนักเบามากน้อยแค่ไหนอย่างไร ควรจะลงโทษเพิ่มขึ้นมากกว่านี้หรือไม่ ทั้งหมดจะเป็นดุลพินิจของคณะอัยการคดีศาลสูงภาค 7 ที่กำกับดูแลโดยอธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูงภาค 7

               "เมื่อศาลตัดสินวันนี้แล้ว ภารกิจของคณะทำงานอัยการทองผาภูมิซึ่งนายสมเจตน์ อำนวยสวัสดิ์ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน จะถูกส่งต่อให้กับอัยการคดีศาลสูงภาค 7 เสมือนกับทางศาลยุติธรรมถ้าศาลชั้นต้นตัดสินอย่างไรตัดสินแล้วก็ถือว่าเสร็จสิ้นภารกิจ หากคู่ความฝ่ายใดยื่นอุทธรณ์ฎีกาตามขั้นตอนกฎหมายก็จะต้องส่งต่อให้ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาพิจารณาต่อไป ซึ่งเป็นลักษณะของการออกแบบของกระบวนการยุติธรรมที่ถ่วงดุลกันเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความเป็นธรรม ดังนั้น ตรงนี้ไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นการดำเนินคดีไม่ต่อเนื่องหรือขาดตอน เพราะเหตุผลที่กระบวนการยุติธรรมออกแบบมาเช่นนี้ก็ต้องการให้คณะอัยการศาลสูงก็ดี และผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ก็ดี เป็นผู้ไปกำกับการปฏิบัติหน้าที่ภารกิจของส่วนนั้นว่าเป็นไปตามข้อเท็จจริงทางคดีหรือไม่ และเป็นไปตามข้อกฎหมายที่บัญญัติไว้หรือไม่ และจะใช้ดุลพินิจในลักษณะถ่วงดุล เพราะคณะผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์หรือคณะอัยการที่อยู่ศาลสูงจะเป็นผู้ที่มี ประสบการณ์ทางคดีมากกว่าศาลชั้นต้น ดังนั้น อยากจะเรียนให้ความมั่นใจกับสังคมว่ากระบวนการยุติธรรมก็จะต้องดูทุกมิติทุกขั้นตอน"

 

 

 

               เมื่อถามว่า อัตราโทษที่ศาลพิพากษาลงโทษนี้ถือว่าเป็นอัตราโทษสูงสุดตามบทกฎหมายในแต่ละข้อหาแล้วหรือไม่ นายประยุทธ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด อธิบายว่า อัตราโทษที่ลงมานั้นถือว่ายังไม่เต็มที่ในอัตราสูงสุดตามบทบัญญัติกฎหมายที่กำหนดไว้ ก็ถือเป็นดุลพินิจของศาลที่จะพิจารณาลงโทษว่าควรจะลงโทษแค่ไหนเพียงใด แต่เมื่อกระบวนการเข้าสู่การพิจารณาของคณะอัยการศาลสูงก็จะพิจารณาต่อไปว่าโทษที่ผู้พิพากษาลงโทษมานั้นเหมาะสมแล้วหรือยัง รวมทั้งข้อหาที่ยกนั้นเห็นด้วยหรือไม่ ซึ่งทั้งหมดจะเป็นประเด็นที่พิจารณาต่อไปว่าจะอุทธรณ์หรือไม่อุทธรณ์ ส่วนคดีนี้จะพิจารณาถึงชั้นฎีกาหรือไม่ ขณะนี้ไม่สามารถให้คำตอบได้ ต้องรอดูการพิจารณาในชั้นอุทธรณ์ก่อน

 

 

 

ลุ้นอุทธรณ์โทษจำคุกคดี "เปรมชัย" ล่าเสือดำ

 

 

 

ลุ้นอุทธรณ์โทษจำคุกคดี "เปรมชัย" ล่าเสือดำ

 

 

 

ลุ้นอุทธรณ์โทษจำคุกคดี "เปรมชัย" ล่าเสือดำ

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ