ข่าว

รองเลขาฯพลังสังคม ร้องตำรวจถูกผู้ใช้เฟสบุ๊กโพสต์หมิ่น

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รองเลขาฯพรรคพลังสังคม พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.พรรคฯเขตมีนบุรี ร้องตำรวจถูกผู้ใช้เฟสบุ๊กโพสต์ภาพ หมิ่นประมาท-พ.ร.บ.คอมพ์

 

          ที่สน.ห้วยขวาง เมื่อเวลา 09.35 น. วันที่ 17 มีนาคม นายสมเกียรติ มั่นคง รองเลขาธิการพรรคพลังสังคม(พพ.) พร้อม นายสัจจวัฒน์ แป้นประเสริฐ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคฯ เขต 15 มีนบุรี เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.รุ่งศักดิ์ นันตะเวช รอง สว.(สอบสวน) สน.ห้วยขวาง เพื่อแจ้งความดำเนินคดีในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กับผู้ใช้เฟสบุ๊กรายหนึ่งในความผิดฐานหมิ่นประมาท หลังโพสต์ภาพเอกสารแนะนำตัวผู้สมัคร ส.ส. พร้อมระบุข้อความพาดพิงหน่วยงานของรัฐ จนอาจสร้างความเข้าใจผิดต่อสังคม และทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อองค์กร

 

รองเลขาฯพลังสังคม ร้องตำรวจถูกผู้ใช้เฟสบุ๊กโพสต์หมิ่น

 

          โดยนายปัจจวัฒน์ กล่าวว่า ผู้ใช้เฟสบุ๊กรายนี้ได้กล่าวหาว่า ตนเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ วางตัวไม่เป็นกลาง และได้นำชื่อกระทรวงการกีฬาแห่งประเทศไทย(กกท.) เข้ามาอ้างอิงทำให้เกิดความเสื่อมเสีย ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะในการสมัครเข้ารับการสรรหาผู้แทนราษฎรได้นั้น จะต้องไม่เป็นเจ้าพนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยงานรัฐ ซึ่งในมาตรา 82(9) ของรัฐธรรมนูญฉบับเดิมปี 2550 ได้กำหนดให้ข้าราชการวางตัวเป็นกลางทางการเมือง ทั้งนี้ตนได้ผ่านคุณสมบัติตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ระบุไว้เรียบร้อยแล้ว

 

รองเลขาฯพลังสังคม ร้องตำรวจถูกผู้ใช้เฟสบุ๊กโพสต์หมิ่น

 

          นายปัจจวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า ภาพคู่มือการเลือกตั้งดังกล่าวที่มีการแจกจ่ายตามบ้านเรือนประชาชน ในส่วนที่มีการแนะนำตัวผู้สมัครจะมีรูปใบหน้า เบอร์ รายชื่อ และอาชีพสุดท้ายของผู้สมัครก่อนเข้ารับการสรรหา โดยผู้ที่เคยรับราชการ หรือหน่วยงานของรัฐจะต้องลาออกหรือไม่เป็นบุคคลของรัฐ อีกทั้ง ประวัติของผู้สมัคร รวมถึงอาชีพต้องเป็นอดีต ซึ่งจะรู้ได้โดยนิตินัยไม่ต้องระบุคำว่าอดีตหน้าอาชีพของผู้สมัคร สำหรับโพสต์ดังกล่าวได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายอื่นเข้ามากดไลค์กดแชร์ แสดงความคิดเห็นด้วยถ้อยคำที่ทำให้ตนอาจเสื่อมเสียชื่อเสียงได้ จึงมาแจ้งความเอาผิดในนามส่วนตัวตามนี้

 

          เบื้องต้น ร.ต.อ.รุ่งศักดิ์ รับเรื่องร้องทุกข์ของผู้เสียหายไว้ลงในบันทึกประจำวัน ก่อนรายงานส่งผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป.

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ