รวบหนุ่มรัสเซีย หน. แก๊งทำธุรกรรมการเงินผิด ก.ม.

 

               ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2562  พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. แถลงข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม. จับกุมชาวรัสเซีย หัวหน้าแก๊งทำธุรกรรมการเงินผิดกฎหมาย สร้างความเสียหาย 235 ล้านบาท

 

 

 

               พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย ประจำสถานทูตรัสเซีย ว่ามีบุคคลสัญชาติรัสเซีย เป็นบุคคลตามหมายจับของทางการรัสเซีย ปัจจุบันคนร้ายอาศัยอยู่ในประเทศไทย จึงได้จัดชุดสืบสวนติดตามตัว กระทั่งเมื่อวันที่ 26 ก.พ. ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ประวิทย์ ศิริธร ผกก.2 บก.สส.สตม. ร่วมกับ ตม.จว.ภูเก็ต บก.ตม.6 จับกุมตัวคนร้ายชื่อ นายอเล็กเซ่ย์ ดอลเซนโคฟ อายุ 36 ปี ชาวรัสเซีย บุคคลตามหมายจับของสหพันธรัฐรัสเซีย ศาลเมืองสตาว์โลโพล ได้ออกหมายจับ ลงวันที่ 7 ต.ค. 2558 ในความผิดทำธุรกรรมทางการเงินผิดกฎหมาย โดยมีคนร้ายเป็นหัวหน้าแก๊ง มีพฤติกรรมเปิดตัวเป็นนายหน้าตัวแทนช่วยบริษัทต่างๆ ในเรื่องธุรกรรมการเงินที่ผิดกฎหมาย จัดการภาษีโดยแสดงข้อมูลอันเป็นเท็จ บันทึกรายการทางการเงินในบัญชีธนาคารอันเป็นเท็จ และรับจัดการธุรกรรมทางการเงินโดยไม่มีใบอนุญาต สร้างความเสียหายในระบบธุรกิจของสหพันธรัฐรัสเซียเป็นมูลค่าถึง 485 ล้านรูเบิล หรือประมาณ 235 ล้านบาท

               สอบสวนคนร้าย รับสารภาพว่า เมื่อตนทราบว่าทางการรัสเซียได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับ ช่วงปี 2558 จึงหนีออกจากประเทศรัสเซีย เดินทางเข้ามาประเทศไทย โดยวีซ่านักท่องเที่ยวและอาศัยอยู่ในประเทศไทย เพื่อหลบหนีนานกว่า 4 ปี จนถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัว เบื้องต้น ได้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร เนื่องจากเป็นบุคคลต่างด้าวซึ่งรัฐบาลต่างประเทศได้ออกหมายจับ และผลักดันออกนอกราชอาณาจักรต่อไป

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

               พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและสารสนเทศ (รอง ผอ.ศปอส.ตร.) แถลงผลการจับกุม น.ส.บูชิตา โพธิ์ทอง และนายสุวิทย์ กุลคง ผู้ต้องหาหลอกขายเสื้อผ้าออนไลน์ หลังได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มผู้เสียหายว่า ได้ถูกบุคคลทั้ง 2 หลอกขายเสื้อผ้าออนไลน์ โดยเปิดเพจเฟซบุ๊กแสดงข้อความเชิญชวนให้สั่งซื้อสินค้า เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อสั่งซื้อสินค้า กลับไม่ได้รับสินค้า เมื่อทวงถามก็มีการบ่ายเบี่ยงอ้างว่าติดขัดขั้นตอนการส่ง และเงียบหายไปจนไม่สามารถติดต่อได้ หลังจากนั้นไม่นานได้ทำการเปิดเฟซบุ๊กขึ้นมาใหม่ และหลอกลวงผู้เสียหายรายอื่นอีก

               ทั้งนี้ จากการสืบสวนพบว่า ผู้ต้องหาสร้างเพจเฟซบุ๊กหลอกลวงประชาชนมากกว่า 12 เพจ เช่น Pop Up Shop , Fashion 250 Shop , Shop by pimmada และล่าสุดเปิดเพจ Perorder By olaoong ซึ่งได้ปิดไปไม่นานมานี้ ส่วนสาเหตุที่ผู้เสียหายหลงเชื่อเนื่องจากผู้ต้องหามีความเชี่ยวชาญเรื่องการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ มีผู้ติดตามหลายพันคน มีการแสดงบัตรประชาชนและเลขบัญชียืนยันตนเอง ทำให้หลงเชื่อ ซึ่งคดีนี้มีผู้เสียหายนับ 100 ราย ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด

               นางสาวบูชิตา ให้การรับสารภาพว่า ตนเองเป็นแอดมินเพจดังกล่าวทั้งหมดจริง มีความรู้ทางคอมพิวเตอร์และโซเชียลมีเดียเป็นอย่างดี จึงอาศัยช่องทางหารายได้ โดยเริ่มสร้างเพจเพื่อหลอกขายสินค้าออนไลน์มาตั้งแต่ปี 2556 ช่วงแรกมีการสั่งซื้อสินค้ามาจากประเทศจีนเพื่อจำหน่ายจริง แต่ต่อมาเห็นว่ามีคนสั่งซื้อจำนวนมาก เมื่อสินค้าหมดแล้วยังมีการสั่งซื้อสินค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไม่สามารถส่งสินค้าให้ได้ จึงได้ปิดเพจเพื่อหลบหนี และเห็นว่าเป็นช่องทางหารายได้ คงไม่มีผู้ใดติดตาม และแต่ละรายมูลค่าความเสียหายไม่มากนัก จึงทำมาเรื่อยๆ