ฝากขังผัวเมียปลอมไลน์ "บิ๊กโจ๊ก" หลอกเงินนับล้าน

               1 มี.ค. 62 เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก  พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคดนโลยี (บก.ปอท.) ได้ควบคุมตัว นายกิตติศักดิ์ สิริวิทยาวงศ์ อายุ 32 ปี ชาว จ.สมุทรสงคราม และ น.ส.ไพลิน วีอูบแก้ว อายุ 29 ปี ชาว จ.กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นสามีภรรยากัน และเป็นเจ้าของธุรกิจอะลูมิเนียม ตกเป็นผู้ต้องหาที่ 1 - 2 คดีปลอมไลน์ (Line) เป็น พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล "บิ๊กโจ๊ก" ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) หลอกยืมเงินบุคคลอื่น มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 1 - 12 มี.ค. นี้ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบปากคำพยานอีก 3 ปาก และรอผลตรวจของกลาง กับผลตรวจพิมพ์มือผู้ต้องหา

               ขณะที่การฝากขังนี้ "พนักงานสอบสวน" ได้ขอคัดค้านการให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้งสองด้วย เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง หากปล่อยตัวไปแล้วเกรงว่าผู้ต้องหาน่าจะหลบหนี อย่างไรก็ดี "ศาล" พิจารณาคำร้องฝากขัง และสอบถามผู้ต้องหาทั้งสองแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพฤติการณ์ตามคำร้องฝากขังระบุว่า เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 62 ทนายความของผู้เสียหายใน จ.นครปฐม ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พนักงานสอบสวน ปอท. ให้ดำเนินคดีผู้ต้องหาทั้งสอง ที่หลอกลวงเอาทรัพย์สินของผู้เสียหายไป โดยก่อนเกิดเหตุผู้เสียหาย และ "นายกิตติศักดิ์" ผู้ต้องหาที่ 1 มีความสนิทสนมรู้จักกัน แล้วประมาณเดือน ม.ค. 61 "นายกิตติศักดิ์" ผู้ต้องหาที่ 1 อ้างว่ารู้จักกับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. และอ้างว่ารู้จักบัญชีไลน์ซึ่งผู้ต้องหาปลอมขึ้น แสดงตนเป็น พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กระทั่งผู้เสียหายหลงเชื่อมาตลอดว่าเป็นบัญชีไลน์จริง

               ต่อมา บัญชีไลน์ดังกล่าวก็ได้หลอกลวงขอยืมเงินผู้เสียหายโอนให้ถึง 9 ครั้ง ผ่านบัญชีของผู้ต้องหาทั้งสอง รวมมูลค่าความเสียหาย 1,520,000 บาท แล้วเมื่อติดตามทวงถามผู้ต้องหาทั้งสองก็ผลัดมาโดยตลอด ภายหลังผู้เสียหายทราบว่าถูกหลอกลวงจึงมอบอำนาจให้ทนายความมาแจ้งความ ให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งสองและบุคคลที่เกี่ยวข้องจนกว่าคดีจะถึงที่สุด จนเมื่อวันที่ 27 ก.พ. 62 เวลาประมาณ 13.00 น. ผู้ต้องหาทั้งสองถูกจับกุมได้ที่บริเวณลานจอดรถห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ก่อนควบคุมตัวมาที่ บก.ปอท.

               พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทัง้หมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง และร่วมกันฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ตามความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 มาตรา 8 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม) มาตรา 14 (1) วรรคท้าย และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 324 (1) มาตรา 83 ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพ แต่ต่อมาในชั้นสอบสวน "นายกิตติศักดิ์" ผู้ต้องหาที่ 1 ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ส่วน "น.ส.ไพลิน" ผู้ต้องหาที่ 2 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา