ข่าว

จับเมียนมาเครือข่ายปลอมวีซ่า - รอยตราประทับเข้าออก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ตม. ขยายผลจับเครือข่ายปลอมวีซ่า รอยตราประทับเข้าออกให้ต่างด้าว - รวบเท้าแชร์ตั้งกลุ่มไลน์หลอกชาวบ้านเสียหาย 5 ล้านบาท

 

               ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) วันที่ 22 ก.พ. 62  พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. แถลงการจับ นายชาย หนุ่ม แปง (MR.SAI NOOM PYAINE) อายุ 23 ปี ชาวเมียนมา แก๊งเครือข่ายปลอมวีซ่าและรอยตราประทับเข้าออกประเทศให้กับคนต่างด้าว

 

 

 

               พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 14 ก.พ. เจ้าหน้าที่ตำรวจด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานกรุงเทพฯ (ตม.ทอ.กรุงเทพฯ) ร่วมกันจับกุม นายชาย หนุ่ม แปง ในความผิดฐาน ใช้รอยตราประทับตรวจลงตราอันใช้ในการเดินทางระหว่างประเทศปลอม (รอยตราประทับตรวจลงตราวีซ่า) ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก ใช้ดวงตรา รอยตราปลอม รอยตราประทับขาออก ด่าน ตม.จว.ตาก ปลอม พร้อมของกลางหนังสือเดินทางประเทศเมียนมา เลขที่ MB3401900 ระบุชื่อ MR. SAI NOOM PYAINE (นายชาย หนุ่ม แปง) ซึ่งมีรอยตราประทับตรวจลงตราวีซ่า (Non-L-A) ด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก ในหนังสือเดินทางเล่มดังกล่าว ในหน้าที่ 33 , บัตร T.M.6 (ตม.6) เลขที่ NU96769 , บัตรที่นั่งโดยสารเครื่องบิน สายการบิน Nok air เที่ยวบินที่ DD4238 เดินทางจากท่าอากาศยานกรุงเทพฯ (ดอนเมือง) ไปยังเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา ระบุชื่อ MR. SAI NOOM PYAINE (ชาย หนุ่ม แปง) , รอยตราประทับขาออก ด่าน ตม.จว.ตาก ปลอม ในหนังสือเดินทาง หน้าที่ 30 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และส่งสืบสวนขยายผลถึงเครือข่ายรับทำวีซ่าปลอมและรอยตราประทับเข้า - ออกประเทศให้แก่คนต่างด้าว เพื่อสืบหาแหล่งที่ทำและจับกุมผู้เกี่ยวข้องต่อไป

 

 

 

               พล.ต.ท.สุรเชษฐ์  กล่าวอีกว่า จากการจากการสืบสวนทราบว่า นายชาย หนุ่ม แปง ได้ติดต่อทางโทรศัพท์กับ นางสาวแนน อันนา (Ms. NAN AUNG AYE) ชาวเมียนมา อายุ 38 ปี ซึ่งรู้จักจากเพื่อนว่าสามารถดำเนินการทำวีซ่าประเภทที่อยู่ในประเทศไทยได้เป็นระยะเวลานาน โดยไม่ต้องเดินทางเข้า - ออกราชอาณาจักร จากนั้นได้พูดคุยผ่านทางโทรศัพท์และตกลงราคาค่าทำวีซ่าประมาณ 18,000 บาท ซึ่งนายชาย หนุ่ม แปง ได้โอนเงินผ่านบัญชีธนาคารที่ นางสาวแนน อันนา ให้ไว้จำนวน 10,000 บาท เพื่อเป็นค่ามัดจำเบื้องต้น และได้จัดส่งหนังสือเดินทางไปให้ นางสาวแนน อันนา ตามที่อยู่ที่ นางสาวแนน อันนา ให้ไว้ เพื่อดำเนินการต่อวีซ่าให้ ต่อมาประมาณ 2 สัปดาห์ นางสาวแนน อันนา จึงได้ส่งหนังสือเดินทางมาให้ทางไปรษณีย์ หลังจากนั้น จึงได้โอนเงินส่วนที่เหลืออีก 8,000 บาท ไปยังบัญชีเดิมที่เคยโอนค่ามัดจำไว้ และจากการตรวจสอบปรากฏว่าในหนังสือเดินทางมีการประทับตราวีซ่าประเภทแรงงาน mou และบัญชีธนาคารที่ นายชาย หนุ่ม แปง โอนเงินเป็นค่าดำเนินการต่อวีซ่านั้น เป็นบัญชีธนาคารของ นายธนกฤต เทือกสุบรรณ อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นสามีของ นางสาวแนน อันนา โดยนางสาวแนน อัน และนายธนกฤต เทือกสุบรรณ ได้เปิดบริษัทรับต่อวีซ่าให้แก่คนต่างด้าว ในชื่อบริษัท ที.เอ.เอ็น.999 อินโนเวชั่น จำกัด ตั้งอยู่ห้องเช่าไม่มีเลขที่ ห้องที่ 4 ซอยสุเหร่าคลอง 1 แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ พิเคราะห์ตามหลักฐานและคำให้การต่างๆ แล้วเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงน่าเชื่อว่าบุคคลทั้ง 2 ได้มีการร่วมกันกระทำความผิดตามความผิดฐานร่วมกันปลอมขึ้น และใช้หรือได้มาและใช้ ซึ่งดวงตราหรือรอยตราของเจ้าพนักงาน ร่วมกันปลอมขึ้น และใช้ซึ่งดวงตรา รอยตรา หรือแผ่นปะตรวจลงตราอันใช้ในการตรวจสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศ

 

 

 

               พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ต่อมาวันที่ 20 ก.พ. เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญา ซึ่งศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับบุคคลทั้ง 2 ได้ที่บริเวณหน้าภูพระยาเพลส ซอยพระยาสุเรนทร์ 27 แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ พร้อมนำหมายค้นของศาลจังหวัดมีนบุรีเข้าตรวจค้น บริษัท ที.เอ.เอ็น.999 อินโนเวชั่น จำกัด ทำการตรวจยึด หนังสือเดินทางจำนวน 82 เล่ม ซึ่งเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่า มีรอยตราประทับปลอมจำนวน 2 เล่ม อยู่เกินระยะเวลาที่กำหนด (Overstay) จำนวน 16 เล่ม ไม่มีข้อมูลเดินทาง จำนวน 27 เล่ม หนังสือเดินทางหมดอายุ จำนวน 16 เล่ม ส่วนที่ถูกต้องจำนวน 21 เล่ม ภายหลังได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

 

 

 

จับเมียนมาเครือข่ายปลอมวีซ่า - รอยตราประทับเข้าออก

 

 

 

รวบเท้าแชร์ตั้งกลุ่มไลน์หลอกชาวบ้านเสียหาย 5 ล้านบาท

 

               พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนกว่า 100 ราย ว่าตกเป็นเหยื่อแก๊งมิจฉาชีพ แอบอ้างเป็นนายทหาร เป็นลูกผู้บริหารระดับสูงในหน่วยงานที่ดูแลตลาดหลักทรัพย์ มีความสนิทสนมกับผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง หลอกลวงให้ร่วมลงทุนโครงการซื้อขายทำกำไรระยะสั้นของหุ้นต่างประเทศ มูลค่าความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท ซึ่งเข้าข่ายกระทำความผิดตาม พระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 ต่อมาเมื่อวันที่ 19 ก.พ. เจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศจับกุม นายจิตรภณ นิศารัตน์ อายุ 24 ปี หัวหน้าแก๊ง จับกุมได้ที่คอนโดมิเนียมย่านทองหล่อ ตามหมายจับของศาลอาญา ฐานความผิดร่วมกันฉ้อโกงโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินของผู้อื่น ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง และร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน และยังคงมีผู้ต้องหาอีก 2 คนในคดีที่หลบหนีการจับกุมตัว

               พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ต่อมาวันที่ 20 ก.พ. เจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้ติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาที่เหลือ 2 ราย ซึ่งอยู่ระหว่างหลบหนีการจับกุม เป็นระดับแม่ทีมในการหลอกลวง ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานโครงการและผู้ดูแลโปรแกรมการลงทุน ชักชวนผู้เสียหายให้หลงเชื่อลงทุน คือ นายพีระยุทธ อาจอำนวย อายุ 33 ปี จับกุมที่บริเวณห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง และนายศรฉัตร กล่ำแสง อายุ 39 ปี จับกุมที่ในพื้นที่วังทองหลาง นำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปอศ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย สอบสวนขยายผลทำให้ทราบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ยังเป็นแม่ทีมในการชักชวนประชาชนให้ลงทุนในแชร์ลูกโซ่อื่นๆ อีก โดยนายพีระยุทธเป็นผู้ต้องหาอยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีในคดีเครือข่าย OD Capital และนายศรฉัตรมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายแชร์ลูกโซ่หลายเครือข่าย

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ