"ตำรวจลุมพินี" รวบแล้วสาวใช้ท่อพีวีซีตีหัว ปชช.

               จากกรณีเมื่อช่วงเช้าวันที่ 21 ก.พ. ที่ผ่านมา น.ส.เอ (นามสมมติ) ถูกหญิงสาวลักษณะผิวคล้ำ รูปร่างผอม สูงประมาณ 160 ซม. ผมยาวประบ่า ใช้ท่อพีวีซี ยาวประมาณ 1 เมตร ตีเข้าที่ศีรษะ ขณะเดินอยู่ริมถนนสุขุมวิท ซอย 7/1 ย่านนานา จนได้รับบาดเจ็บ หลังเกิดเหตุได้มีพลเมืองดี 2 คน ได้เข้ามาให้การช่วยเหลือ พร้อมทั้งเข้ามาระงับเหตุการณ์ โดยหญิงคนดังกล่าวได้แสดงอาการโวยวายเสียงดัง พร้อมทั้งระบุว่า “เป็นต่างด้าว ต้องตี ถูกทำร้ายก่อนเลยต้องตี” ซึ่งระหว่างชุลมุนปรากฏว่าหญิงคนดังกล่าวได้เดินหายตัวไป

               ล่าสุด ที่ สน.ลุมพินี เวลา 00.30 น. วันที่ 22 ก.พ. 62 มีรายงานข่าวแจ้งว่า ขณะที่ ร.ต.อ.วินิทร ตาลพรศรี รอง สวป.สน.ลุมพินี กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ตามปกติ ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าพบเห็นหญิงสาวที่มีรูปพรรณตรงตามที่ผู้เสียหายแจ้งความไว้ อยู่บริเวณซอยสุขุมวิท 3 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม. หลังรับแจ้งจึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ และตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ลุมพินี ไปทำการตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบหญิงสาวผิวคล้ำ รูปร่างผอม สูงประมาณ 160 ซม. ผมยาวประบ่า สวมชุดแซกสีชมพู เดินถือกระเป๋าผู้หญิงสีขาวอยู่ข้างทาง

               จากนั้นทางตำรวจจึงแสดงตัวทำการสอบถาม โดยเจ้าตัวอยู่ในอาการตกใจ และจากการตรวจสอบเอกสาร ทราบชื่อ น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 29 ปี ชาว จ.กาญจนบุรี ก่อนเชิญตัวมาส่ง ร.ต.ท.หญิง วิวรรธน์ นาคลดา รอง สว.(สอบสวน) สน.ลุมพินี ทำการสอบสวนที่ สน.ลุมพินี

               จากการสอบสวน น.ส.บี ซึ่งอยู่ในอาการตื่นตกใจ ร้องไห้ครวญครางตลอดเวลา พร้อมทั้งให้การวกไปวนมา สามารถจับใจความได้ว่า เจ้าตัวเดินทางมาจากภูมิลำเนา จ.กาญจนบุรี เพียงคนเดียว โดยอาศัยหาที่หลับนอนตามข้างทาง หากมีที่นั่งก็จะนั่งพักไปเรื่อยๆ ส่วนท่อพีวีซีที่นำติดตัวไว้ตลอดเวลานั้น เนื่องจากถือไว้เพื่อป้องกันตัวจากพวกชาวต่างด้าวที่เดินไปเดินมา อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจยังไม่แจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด ต้องให้เจ้าตัวสงบสติอารมณ์ก่อน หลังจากนี้จะประสานญาติ - ผู้ปกครองหญิงรายนี้มาทำการสอบสวนว่ามีประวัติการรักษาตัวที่โรงพยาบาลหรือไม่ ตลอดจนอยู่ระหว่างการติดต่อทางผู้เสียหายมาชี้ตัวเพื่อยืนยันต่อไป

               ทั้งนี้ ยังมีรายงานข่าวแจ้งอีกว่า ก่อนหน้านี้ทางตำรวจได้รับแจ้งจากผู้เสียหายว่ามีผู้ก่อเหตุลักษณะคล้ายกันนี้มาแล้วหลายครั้ง ซึ่งทางตำรวจฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบว่าเป็นบุคคลรายเดียวกันหรือไม่