ข่าว

ยึดเพียบ ปิดล้อมสำเพ็งจับสินค้าก๊อปปี้

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ผบช.สตม. นำทีมเจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร. และ ปปง. ลุยจับสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ที่ตลาดสำเพ็ง รวบผู้ต้องหา 19 คน พร้อมยึดของกลางกว่า 2,000 ชิ้น มูลค่ากว่า 2 แสนบาท

 

             วันที่ 30 ม.ค. 2562 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.สส.สตม. นายพีระพัฒน์ อิงพงษ์พันธ์ เลขานุการกรมสำนักงาน ปปง. และเจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร. ร่วมกันแถลงข่าวผลการปิดล้อมตรวจค้นตลาดสำเพ็ง 15 จุด จับกุมเจ้าของร้านขายสินค้า 7 คน เป็นชาวจีน 4 คน ชาวไทย 3 คน และลูกจ้างผู้ดูแลร้าน 12 คน เป็นชาวจีน 3 คน ลาว 5 คน พม่า 4 คน กัมพูชา 1 คน ไทย 5 คน ไม่ทราบสัญชาติ 1 คน

 

 

ยึดเพียบ ปิดล้อมสำเพ็งจับสินค้าก๊อปปี้

 

 

 

             พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากชุดสืบสวนพบว่ามีกลุ่มชาวต่างชาติเข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทยซึ่งเป็นการแย่งอาชีพคนไทย และส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ จึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการกำลังเข้าตรวจสอบการประกอบธุรกิจของคนต่างชาติที่บริเวณตลาดสำเพ็ง แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธ์วงศ์ โดยจับกุมผู้ต้องหา 19 คน พร้อมของกลางสินค้าประเภทต่างๆหลายรายการ อาทิ กระเป๋า และหมวก สินค้าที่ละเมิดเครื่องหมายการค้า กว่า 2,000 ชิ้น มูลค่าความเสียหายกว่า 2 แสนบาท ทั้งนี้พบการกระทำความผิดในเรื่องการทำงานของคนต่างด้าว สินค้าไม่ผ่านการตรวจของศุลกากร ความผิดเกี่ยวกับเครื่องหมายการค้า และพ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค

 

 

ยึดเพียบ ปิดล้อมสำเพ็งจับสินค้าก๊อปปี้

 

 

             ผบช.สตม. กล่าวว่า จากการตรวจสอบภาพรวมในวันนี้พบว่าบรรดาร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์มีการนำลูกจ้างซึ่งเป็นแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงาน ซึ่งในส่วนนี้จะทำการตรวจสอบเอกสารเพื่อดูการเดินทางเข้ามาในประเทศและการเข้ามาทำงานว่าถูกต้องหรือไม่ หากไม่ถูกต้องก็ดำเนินคดีในเรื่องของการทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต หลังจากนี้ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนทำการขยายผลการเข้ามาประกอบธุรกิจว่าเข้าข่ายนอมินีหรือไม่ หากพบก็จะต้องดำเนินการเด็ดขาด ขยายผลถึงนายทุนที่แท้จริง พร้อมนำเรื่องการใช้มาตรการยึดทรัพย์ ตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน พ.ศ.2542 ซึ่งการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายฟอกเงิน

 

 

ยึดเพียบ ปิดล้อมสำเพ็งจับสินค้าก๊อปปี้

 

 

             ด้าน นายพีระพัฒน์ กล่าวว่า ในส่วนของพฤติกรรมดังกล่าวเข้าข่ายความผิดมูลฐานของ พ.ร.บ.ฟอกเงิน ซึ่งหลังจากนี้ทางสำนักงาน ปปง. จะเข้ามาร่วมดำเนินการในส่วนของการตรวจสอบเส้นทางการเงินว่ามีส่วนพัวพันไปยังบุคคล หรือกลุ่มนายทุนใดก็ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เบื้องต้นนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลจักรวรรดิ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

 

ยึดเพียบ ปิดล้อมสำเพ็งจับสินค้าก๊อปปี้

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ