ข่าว

"บิ๊กโจ๊ก-UNHCR" ถกสาวซาอุฯ ยื่นสถานะผู้ลี้ภัย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"บิ๊กโจ๊ก" เจรจาสาวซาอุฯ นาน 2 ชม. จ้าตัวพอใจยอมออกจากสนามบิน ขณะที่ UNHCR ยื่นสถานะผู้ลี้ภัย ส่งตัวให้ดูแล ตีกรอบ 5 วัน ได้ข้อสรุป

 

          วันที่ 7 ม.ค. 2562 พล.ต.ท สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. พล.ต.ต.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ ผบก.ตม.2 พ.ต.อ.ธนกฤต บุญ เจริญ ผกก.ฝ่ายตรวจลงตราฯ พ.ต.อ.อำนาจ โฉมฉาย ผกก.3 บก.ทท.1 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ กรมสนธิสัญญาเอเชียใต้ การท่าอากาศยานและสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ประชุมหารือแนวทางการช่วยเหลือนางสาว“ราฮาฟ โมฮัมเหม็ด อัล-กูนุน” หญิงชาวซาอุดิอาระเบีย วัย 18 ปี ที่หลบหนีการแต่งงานเข้ามาในประเทศไทย

 

"บิ๊กโจ๊ก-UNHCR" ถกสาวซาอุฯ ยื่นสถานะผู้ลี้ภัย

 

          ภายหลังการประชุม พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า หญิงสาวคนดังกล่าวไม่มีเอกสารเข้าไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งนี้ตั๋วเครื่องบินแค่ขามาเพียงใบเดียวและไม่มีกำหนดการเดินทางว่าเข้ามาในประเทศไทยด้วยเหตุใด ด้วยเหตุนี้ทางการไทยจึงจำเป็นต้องปฏิเสธการเข้าเมือง ส่งตัวกลับด้วยสายการบินเดิมที่เธอเดินทางมา คือคูเวต แอร์เวย์ส ซึ่งมีกำหนดออกเดินทางในเวลา 11.15 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันจันทร์ที่ 7 ม.ค. นี้ เดิมทีทางสายการบินได้ออกตั๋วเดินทางกลับให้นางสาว“ราฮาฟ โมฮัมเหม็ด อัล-กูนุน” เดินทางกลับประเทศซึ่งตอนแรกตัวของสาวชาวซาอุฯก็ยินดีที่จะเดินทางกลับ แต่ตอนหลังเกิดกลัวว่าตนเองจากได้รับอันตราย เนื่องจากบทลงโทษที่ประเทศซาอุฯค่อนข้างรุนแรง เพื่อนปฏิเสธที่จะไม่ยินยอมเดินทางกลับประเทศของตน
 

"บิ๊กโจ๊ก-UNHCR" ถกสาวซาอุฯ ยื่นสถานะผู้ลี้ภัย

 

       ในส่วนนี้ทางการไทย รวมถึงสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเข้าใจในความรู้สึก ว่าหนีร้อนมาเพิ่งเย็น ในวันนี้จากการประชุมหารือหลายหน่วยงานทั้งกระทรวงการต่างประเทศ กรมสนธิสัญญาเอเชียใต้ การท่าอากาศยานและสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ จะเข้าไปพูดคุยกับหญิงสาวชาวซาอุฯถึงความต้องการ ว่ามีความประสงค์จะลี้ภัยในประเทศไทยหรือไม่ ก็จะให้ทางสำนักงานข้าหลวงใหญ่แห่งสหประชาชาติเป็นผู้ดูแล หรือประสงค์จะเดินทางไปประเทศไหน ก็จะดำเนินการประสานประเทศปลายทางให้ ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่ว่าประเทศปลายทางนั้นจะเห็นควรให้สถานะลี้ภัยหรือไม่

 

"บิ๊กโจ๊ก-UNHCR" ถกสาวซาอุฯ ยื่นสถานะผู้ลี้ภัย

 

          ขณะนี้อยู่นอกประเทศไทย อยู่ในส่วนของเทอร์มินอลทรานซิท ใครจะมาบังคับให้ไปที่ไหนไม่ได้ไม่ว่าหน่วยงานใดก็ตาม เราต้องปกป้องดูแล สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทำหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมาย ว่ากรณีหนีร้อนมาพึ่งเย็น ถึงขั้นว่าต้องถูกทำร้าย เราต้องใช้หลักสิทธิมนุษย์ชนมาดำเนินการ หากการส่งตัว น.ส.ราฮาฟ กลับประเทศทำให้เธอต้องเป็นอันตราย ทางการไทยย่อมไม่ต้องการเช่นนั้น ประเทศไทยเป็นดินแดนแห่งรอยยิ้ม เราจะไม่ส่งใครไปให้ได้รับอันตรายอย่างแน่นอน สิ่งสำคัญคือเราต้องยึดหลักสิทธิมนุษยชนและมนุษยธรรม หลักของศีลธรรม เข้ามาเดินคู่ขนานไป โดยคำนึงการรักษาความสัมพันธ์ทางการทูตและความปลอดภัยของ น.ส.ราฮาฟ ด้วย ซึ่งจะเจรจาหาทางออกพูดคุยในเวลา 17.00 น. อย่างไรก็ตามได้รับข้อมูลจากทางสถานทูตว่าคุณพ่อของหญิงสาวคนดังกล่าวจะเดินทางมาที่ประเทศไทย ซึ่งในส่วนนี้ก็จะเปิดโอกาสให้คุณพ่อนั้นได้พูดคุยและได้เจอกับทางลูกสาวของตนเอง แต่หากตัวของหญิงสาวดังกล่าวไม่ประสงค์ที่จะเดินทางกลับพร้อมกับทางคุณพ่อก็ไม่มีทางที่จะบังคับจิตใจได้ 

 

"บิ๊กโจ๊ก-UNHCR" ถกสาวซาอุฯ ยื่นสถานะผู้ลี้ภัย

 

          ต่อมาเวลา 17.00 น. พล.ต.ท สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. พล.ต.ต.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ ผบก.ตม.2 พ.ต.อ.ธนกฤต บุญ เจริญ ผกก.ฝ่ายตรวจลงตราฯ พ.ต.อ.อำนาจ โฉมฉาย ผกก.3 บก.ทท.1 นายกิตติพงศ์ กิตติขจร รองผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายปฏิบัติการ1) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ เข้าเจรจากับนางสาว“ราฮาฟ โมฮัมเหม็ด อัล-กูนุน” หญิงชาวซาอุดีอาระเบีย วัย 18 ปี ที่หลบหนีการแต่งงานเข้ามาในประเทศไทย ภายในห้องหมายเลข 303 โรงแรมมิราเคิล ทรานสิทโดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าบันทึกภาพ หรือสังเกตการณ์แต่อย่างใด เนื่องจากสาวชาวซาอุดิอาระเบียต้องการความเป็นส่วนตัว ทั้งนี้จากการพูดคุยเจรจาเป็นเวลานานกว่า 2 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่จากทางสำนักงานข้าหลวงใหญ่แห่งสหประชาชาติได้นำตัวสาวซาอุฯอยู่ในการดูแลของสำนักงานข้าหลวงใหญ่แห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทยท่ามกลางการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดของทางตำรวจท่องเที่ยวและตำรวจตรวจคนเข้าเมือง
 

"บิ๊กโจ๊ก-UNHCR" ถกสาวซาอุฯ ยื่นสถานะผู้ลี้ภัย

 

           ต่อมาเวลา 20.00 น. พล.ต.ท สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. พล.ต.ต.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ ผบก.ตม.2 นายกิตติพงศ์ กิตติขจร รองผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายปฏิบัติการ1)ร่วมกันแถลงผลการเจรจาในครั้งนี้ โดยพล.ต.ท สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จากการบูรณาการร่วมกันระหว่างตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจท่องเที่ยวการท่าอากาศยาน กระทรวงการต่างประเทศสำนักงานข้าหลวงใหญ่แห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย ผลเจรจาเป็นที่น่าพอใจ นางสาว”ราฮาฟ โมฮัมเหม็ด อัล-กูนุน" หญิงชาวซาอุดีอาระเบีย วัย 18 ปี ที่หลบหนีการแต่งงานเข้ามาในประเทศไทย ตัดสินใจที่จะขอมาพักอาศัยอยู่ในประเทศไทยระยะหนึ่ง ก่อนที่จะยื่นเรื่องขอสถานะผู้ลี้ภัย และตัดสินใจว่าจะเดินทางต่อไปยังประเทศใด ทั้งนี้ภายใน 5 วันจะสรุปแล้วจะส่งตัวต่อไปโดยที่ไม่มีความผิด เนื่องจากว่าตัวของมีสาวซาอุฯ ไม่ได้เข้ามาในประเทศไทยถึงไม่มีข้อหาโอเวอร์สเตย์ และเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตามตลอดระยะเวลาในการอยู่ในประเทศไทยจะมีทางตำรวจคอยดูแลรักษาความปลอดภัยเพื่อเป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับหญิงสาวรายนี้

 
            กรณีนี้ถือเป็นบทเรียนให้กับทางสายการบินต่างๆ ต้องมีการเพิ่มความเข้มงวดในการคัดกรองผู้โดยสารให้มีให้ละเอียดถี่ถ้วนมากกว่านี้ อีกทั้งทางตำรวจต้องเข้มงวดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย ส่วนกระแสข่าวว่าทางบิดาของคุณสาวซาอุฯจะเดินทางมาพบลูกสาวของตนนั้น ในส่วนนี้ทางตำรวจจะเป็นผู้ประสานให้พ่อลูกเจอกัน ส่วนจะได้พบกันหรือไม่ เป็นสิทธิ์ของทางหญิงสาวรายนี้เป็นผู้กำหนด.

 

                                             

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ