ฉกเพชร 10 ล้านเคยก่อเหตุมาแล้วปี 59

 

               จากกรณีคนร้ายเป็นชาย 2 คน ก่อเหตุวิ่งราวเพชร 10 กะรัต มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท ของนายวีกี้ ไวบัส อายุ 44 ปี นายหน้าค้าเพชร ชาวอินเดีย ที่มาจ้างคนร้ายเจียระไนเพชรเม็ดดังกล่าวให้ที่อาคารพาณิชย์เลขที่ 426/2-3 ซอยสองพระ ถนนสี่พระยา แขวงมหาพฤฒาราม เขตบางรัก กทม. ซึ่งคนร้ายได้ออกอุบายนำเพชรไปส่องกับแสงแดดหน้าร้านก่อนจะวิ่งไปขึ้นรถ จยย. เพื่อนคนร้ายเร่งเครื่องหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว โดยเหตุเกิดเมื่อเวลา 15.00 น. ของวันที่ 11 ธ.ค. ที่ผ่านมา

 

 

 

               ที่ สน.บางรัก เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 12 ธันวาคม 2561 พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.พัฒนา เพศยนาวิน ผบก.น.6 พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส ผกก.สน.บางรัก พ.ต.ท.พงศ์นรินทร์ เหล่าเขตกิจ รอง ผกก.สส.สน.บางรัก และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.บางรัก ร่วมประชุมชุดสืบสวนเร่งคลี่คลายคดีคนร้ายวิ่งราวเพชร 10 กะรัต ของพ่อค้าเพชรชาวอินเดีย โดยใช้เวลาประชุมนานกว่า 1 ชั่วโมง

               พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ เปิดเผยหลังการประชุมติดตามคดีว่า จากการสืบสวนสอบสวนทราบว่ากลุ่มคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุนั้นมีมากกว่า 1 คน ขณะนี้เจ้าหน้าที่สอบปากคำไปแล้วจำนวน 7 คน ทั้งในส่วนของผู้เสียหายและพยานแวดล้อม ส่วนเพชรที่ถูกก่อเหตุไปนั้นมีใบรับประกันอยู่ สามารถตรวจสอบได้ว่าเจ้าของเพชรที่แท้จริงเป็นใคร ซึ่งตรวจสอบข้อมูลไว้ทั้งหมดแล้ว และในช่วงเย็นวันนี้ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวน สน.บางรัก เดินทางไปขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญารัชดาภิเษก จำนวน 1 คน คือ นายเอ ผู้ก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ จากการตรวจสอบประวัติของผู้ก่อเหตุพบว่าเคยก่อเหตุลักษณะเดียวกันในพื้นที่ จ.นนทบุรี เมื่อปี 2559 แต่ในครั้งนั้นไม่ได้ทรัพย์สินไปและถูกจับกุมตัวได้

 

 

 

               ผู้สื่อข่าวถามถึงประเด็นข้อพิรุธหรือข้อสงสัยว่าผู้เสียหายและผู้ก่อเหตุนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกันหรือมีการจัดฉากเพื่อก่อเหตุประทุษร้ายครั้งนี้หรือไม่ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนและลงพื้นที่สืบสวนหาข้อมูลในจุดเกิดเหตุแล้ว ขณะนี้ยังไม่พบข้อพิรุธสงสัยแต่อย่างใด ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ตัดประเด็นดังกล่าวทิ้งแต่อย่างใด หลังจากนี้จะเร่งทำการสืบสวนเพื่อหาผู้ร่วมขบวนการ เชื่อว่ายังกบดานอยู่ในประเทศไทย และประสานทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองตรวจสอบกรณีนี้ด้วย เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป

               รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับผู้ก่อเหตุรายนี้ได้เปลี่ยนชื่อและนามสกุลมาหลายครั้ง และใช้โทรศัพท์จำนวนหลายเบอร์ และใช้ชื่อผู้อื่นเป็นคนจดทะเบียนซิมโทรศัพท์เพื่อไว้ใช้ในการก่อเหตุดังกล่าว

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

               ล่าสุด มีการเปิดภาพวงจรปิดคนร้ายขี่ จยย. หลบหนี ขณะที่ พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส ผกก.สน.บางรัก เปิดเผยว่า การขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหานั้น ตนได้สั่งการให้ ร.ต.ท.ชนะชาติ เจริญผล รอง สว.(สอบสวน) สน.บางรัก ดำเนินการแล้ว ทราบว่ายังไม่สามารถออกหมายจับได้ในขณะนี้ เนื่องจากทางศาลขอพิจารณาสำนวนเพิ่มเติม คาดว่าจะสามารถออกหมายจับได้ในวันพรุ่งนี้ (13 ธ.ค.)