ข่าว

จับกุมยาเสพติด 7 คดี มูลค่ากว่า 440 ล้าน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ตำรวจปราบปรามยาเสพติดทลายโรงงานผลิตน้ำมันกัญชารายใหญ่ส่งขายต่างประเทศ / มีนายทุนใหญ่เป็นชาวญี่ปุ่น ลักลอบตั้งโรงงานมานานกว่า 1 ปี

 

               เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 6 ธันวาคม 61 ที่ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.)  พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผบช.ปส. และ พล.ต.ต.อาชวันต์ โชติกเสถียร รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.ชาตรี ไพศาลศิลป์ รอง ผบช.ปส. ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด จำนวน 7 คดี ผู้ต้องหา 21 คน พร้อมของกลาง ยาบ้า 2,908,000 เม็ด น้ำมันกัญชา รวม 57 ขวด น้ำหนักประมาณ 70.22 กก. ยางกัญชา 6.623 กก. สารเคมี 3 ถัง กัญชาแห้ง 600.36 กก. ไอซ์ ประมาณ 3,007.34 กรัม และยาอีจำนวน 6 เม็ด รวมมูลค่ายาเสพติด 440,556,300 บาท พร้อมตรวจยึดทรัพย์สินอีกกว่า 3,785,000 บาท

 

 

 

               คดีที่ 1 เจ้าหน้าที่ กก.2 บก.ปส.1 ปฏิบัติภารกิจ “แมงกะพรุน” จับกุมตัว นายสุริยันต์ หรือ ยัน สุวรรณไชยรบ อายุ 34 ปี นายศุภกิจ หรือ กิจ แก้วมะ อายุ 54 ปี นายโจเซฟ หรือ Sid ทรูเลย์ หรือ (Mr.JOSEPHTOOLE) อายุ 67 ปี สัญชาติ อังกฤษ และนายคูลิค เดวิด หรือ (Mr.KULIK DAVID) อายุ 65 ปี สัญชาติ แคนาดา ทั้งหมดเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในข้อหา ร่วมกันผลิตและมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา ยางกัญชา และน้ำมันกัญชา) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันส่งออกยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมของกลาง น้ำมันกัญชา ลักษณะเป็นของเหลวสีดำ บรรจุในขวดแก้วใสฝาปิดสีฟ้า น้ำหนัก 63 กรัม บรรจุในขวดแก้วสีฟ้า 61 กรัม และบรรจุในขวดแก้วสีฟ้า 62 กรัม รวม 3 ขวด ยางกัญชา ลักษณะเป็นก้อนสีดำ บรรจุในถุงพลาสติก 7 ถุง น้ำกัญชา บรรจุอยู่ในถังพลาสติกใสสีฟ้า จำนวน 3 ถัง น้ำมันกัญชาในขวดแก้วสีชา 10 ขวด น้ำมันกัญชาในขวดพลาสติกสีขาวขุ่น 43 ขวด เครื่องมือในการผลิตน้ำมันกัญชา จำนวน 15 ชิ้น ภาชนะหลอดแก้วจำนวนหนึ่ง และรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า จำนวน 2 คัน

               สืบเนื่องจากเมื่อเดือน มี.ค. 61 เจ้าหน้าที่ บก.ปส.1 ได้รับแจ้งจากสายลับว่า มีขบวนการค้ายาเสพติดลักลอบผลิตน้ำมันกัญชาและส่งออกกัญชาไปจำหน่ายยังต่างประเทศ จึงทำการสืบสวนเรื่อยมา กระทั่งพบกลุ่มผู้ต้องสงสัย มีการลักลอบส่งกัญชาจากท่าเรือแหลมฉบังไปยังต่างประเทศ โดยซุกซ่อนไปกับก้อนขุยมะพร้าวอัดก้อน ก่อนถูกตรวจพบที่เมืองแอนต์เวิร์ป ประเทศเบลเยียม ชุดสืบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐาน ขอศาลออกหมายจับผู้ต้องสงสัย

 

 

 

               ต่อมา ทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหาได้ซุกซ่อนกัญชา น้ำมันกัญชา และวัตถุดิบ อุปกรณ์ในการผลิต ไว้ที่โกดัง เลขที่ 559/5 หมู่ 7 ถ.บางพลี - ตาหรุ ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ และโกดัง เลขที่ 499/43 หมู่ 13 ถ.กิ่งแก้ว ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เจ้าหน้าที่จึงวางปฏิบัติการกวาดล้าง และค้นสถานที่ต้องสงสัย กระทั่งในวันที่ 3 ธ.ค. ที่ผ่านมา มีการนำกำลังเข้าตรวจค้นเป้าหมาย ผลการปฏิบัติ สามารถจับกุม นายสุริยันต์ ได้ที่หน้าบ้านใน อ.เมือง จ.สกลนคร นายศุภกิจ ได้ที่หน้าบ้าน ถนนราษฎร์พัฒนา กรุงเทพฯ จับกุมนายโจเซฟ ได้ที่ทางเข้าโรงแรม อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ส่วนนายคูลิค จับได้ที่ทางเท้าริมถนนในซอยพระตำหนัก 5 อ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี และตรวจยึดยางกัญชา น้ำมันกัญชา สารเคมี และอุปกรณ์ในการผลิตหลายรายการ ได้ที่โกดัง เลขที่ 559/5 หมู่ 7 ถนนบางพลี - ตำหรุ ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ

               พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ เปิดเผยว่า เชื่อว่าผู้ต้องหาสัญชาติแคนาดา เป็น 1 ในกลุ่มนายทุน ส่วนผู้ต้องหาชาวอังกฤษ เป็นผู้สอนและคอยแนะนำ รวมถึงควบคุมการผลิตน้ำมันกัญชา ก่อนจะส่งไปขายยังต่างประเทศ

               จากการสืบสวนเบื้องต้น มีข้อมูลว่ากระบวนการนี้ตั้งโรงงานผลิตย่านบางพลี จ.สมุทรปราการ มานานกว่า 1 ปี และเคยส่งน้ำมันกัญชาน้ำหนักรวมกว่า 5 ตัน ให้กับเครือข่ายค้ายาเสพติดในประเทศเบลเยียม นอกจากนี้ ยังพบว่ามีนายทุนใหญ่เป็นชาวญี่ปุ่น แต่ไม่แน่ชัดว่าจุดหมายปลายทางจะส่งไปยังประเทศใดบ้าง ส่วนวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตส่วนหนึ่งหาได้จากกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดในประเทศไทย อีกส่วนได้จากเครือข่ายยาเสพติดจาก สปป. ลาว

               มีรายงานแจ้งว่า ขบวนการนี้มีลักษณะคล้ายกับแมงกะพรุน เนื่องจากตัวนายคูลิคพักอาศัยอยู่ในพัทยา จ.ชลบุรี และใช้วิธีขนส่งน้ำมันกัญชาทางเรือ รวมถึงเคลื่อนย้ายที่พักไปเรื่อยๆ เพื่อให้ยากต่อการจับกุม โดยขบวนการดังกล่าวมีการแบ่งหน้าที่กันทำ นายสุริยันต์คอยเฝ้าของ นายศุภกิจซึ่งเปิดบริษัทขนส่ง คอยขนส่งยาเสพติด ส่วนนายโจเซฟจะเดินทางเข้าประเทศไทยเป็นระยะ แต่ละครั้งอยู่นานประมาณ 6 เดือน ก่อนจะทิ้งช่วงแล้วกลับเข้ามาใหม่ ทำหน้าที่ติดต่อกับต่างประเทศ ขณะที่นายคูลิคเป็นอดีตหมอ มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการใช้เครื่องมือเพื่อสกัดน้ำมันกัญชาออกมา โดยหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ บช.ปส. จะขยายผลเพิ่มเติม เพื่อตรวจสอบว่าขบวนการนี้จะส่งน้ำมันกัญชาไปยังที่ใด และมีผู้ที่เกี่ยวข้องอีกหรือไม่

 

 

 

               คดีที่ 2 เจ้าหน้าที่ กก.2 บก.ปส.3 จับกุม นายสกุล นัยยะ หรือ เหน่ง อายุ 42 ปี ชาว จ.เชียงราย ในข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดย ผิดกฎหมาย” และ “สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและได้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน” นายธานนิทร์ ชนะกิจ หรือ นิน อายุ 45 ปี ชาว จ.พังงา ในข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย” และความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ (หลบหนีไม่มาศาลตาม กำหนด) ศาลจังหวัดอ่างทอง ที่ 97/2561 ลง 17 กันยายน 2561 ข้อหากระทำความผิดฐาน “พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 (ครอบครองและเสพเมทแอมเฟตามีน)” ตามหมายจับศาลจังหวัดพังงา ที่ 63/2561 ลง 10 ตุลาคม 2561 ข้อหา “มีพฤติการณ์หลบหนี (ให้จับจำเลยมารับโทษตามคาพิพากษาศาลอุทธรณ์)” พร้อมของกลาง ยาบ้า 780,000 เม็ด รถยนต์ จำนวน 2 คัน จับกุมได้ที่ จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 61 ขณะกำลังจะส่งมอบยาเสพติดให้กับผู้ซื้อในพื้นที่ อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย

               คดีที่ 3 เจ้าหน้าที่ กก.1 บก.ปส. จับกุม นายวงศกร ฉัตรหิรัญเลิศ อายุ 30 ปี ชาว กทม. น.ส.อัมพริกา สิงห์ศิริ อายุ 26 ปี ชาว จ.ปทุมธานี ในข้อหา “ร่วมกันนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) โดยผิดกฎหมาย และมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์ และยาอี) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมของกลาง กัญชาแห้ง 1,100 กรัม ไอซ์ น้ำหนัก 7.34 กรัม และยาอี 6 เม็ด จับกุมได้วันที่ 3 ธ.ค. 61 สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม สืบทราบว่า มีการติดต่อสั่งซื้อยาเสพติดจากต่างประเทศ และถูกส่งมาในกล่องพัสดุ โดยส่งมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา มายังผู้รับในประเทศผ่านทาง บริษัทขนส่งเอกชน จึงได้ไปขอตรวจสอบและพบว่าภายในกล่องพัสดุดังกล่าวมีกัญชาแท่ง จำนวน 2 ก้อน น้ำหนัก 1,100 กรัม จึงสืบหาตัวผู้รับกล่องพัสดุ โดยให้เจ้าหน้าที่เป็นพนักงานส่งพัสดุติดต่อไปยังผู้รับตามที่ระบุบนกล่อง ต่อมา ผู้รับได้แจ้งให้ไปส่งที่คอนโดฯ ถนนพระราม 9 จากนั้น น.ส.อัมพริกา ได้ขับรถพานายวงศกรไปที่คอนโดฯ ถนนพระราม 9 ก่อนที่ น.ส.อัลพริกา จะลงจากรถและเดินไปติดต่อขอรับพัสดุจากพนักงานส่งพัสดุ และเซ็นชื่อรับพัสดุ แล้วนำกล่องพัสดุเข้าไปในร้านอาหารของคอนโดฯ ก่อนที่นายวงศกรจะลงรถเข้าไปพบ น.ส.อัมพริกา แล้วตรวจพัสดุ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัว จากการตรวจค้นพบไอซ์และยาอีซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าของ น.ส.อัมพริกา จึงจับกุมตัวไว้

 

 

 

               คดีที่ 4 เจ้าหน้าที่ บก.สกส.บช.ปส. จับกุมผู้ต้องหา 5 ราย เป็นชาว จ.เชียงราย 4 ราย และ จ.พะเยา 1 ราย พร้อมของกลาง ยาบ้า 1,000,000 เม็ด รถยนต์ 2 คัน โทรศัพท์มือถือ 9 เครื่อง สามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ 1 - 2 ได้ที่แยกไฟแดงป่าโมก ต.บางปลากด จ.อ่างทอง ส่วนที่เหลือจับได้ที่ถนนสายอยุธยา - อ่างทอง ต.บางเสด็จ จ.อ่างทอง เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 61 สืบเนื่องจากสืบทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหาลำเลียงยาเสพติดจาก จ.เชียงราย มาส่งมอบให้ลูกค้าในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล โดยใช้รถยนต์กระบะลำเลียง ใช้เส้นทาง จ.เชียงราย - พะเยา - ลำปาง - ตาก - กำแพงเพชร - นครสวรรค์ - ชัยนาท เข้าสู่พื้นที่ตอนใน ชุดสืบสวนจึงวางแผนสกัดกั้น จนกระทั่งสามารถจับกุมตัวได้

               คดีที่ 5 บก.สกส.บช.ปส. จับกุมผู้ต้องหาเป็นชาว จ.มุกดาหาร รวม 4 ราย พร้อมของกลาง กัญชาแห้ง น้ำหนักรวม 599 กก. รถกระบะ 2 คัน โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง จีพีเอส 1 ตัว โดยแจ้งข้อหาว่า ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต สืบเนื่องจากชุดจับกุม ได้รับแจ้งว่า จะมีการลักลอบขนยาเสพติดมาส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล โดยขนมาจาก จ.มุกดาหาร ใช้รถยนต์วิ่งเส้นทาง จ.มุกดาหาร - ร้อยเอ็ด - มหาสารคาม - ขอนแก่น - ชัยภูมิ - นครราชสีมา - สระบุรี เข้าสู่พื้นที่ชั้นในโดยเลี่ยงเส้นทางหลัก จึงทำการสกัดกั้นจับกุมผู้ต้องหา 3 คน ได้ที่ลานจอดรถหน้าร้านสะดวกซื้อ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี และจับกุมผู้ต้องหาอีกคนได้ที่ห้องพักใน ต.มวกเหล็ก จ.สระบุรี เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 61

 

 

 

               คดีที่ 6 บก.สกส.บช.ปส. จับกุม นายกฤษฎา แซ่วาง อายุ 24 ปี และนายสาคร แซ่เฮ่อ อายุ 24 ปี ทั้งสองเป็นชาว จ.ตาก พร้อมของกลาง ยาบ้า 852,000 เม็ด ไอซ์ น้ำหนัก 3 กก. รถกระบะ 2 คัน และโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง โดยแจ้งข้อหาว่า ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน หรือยาบ้า และไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต สามารถจับกุมได้เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 61 ขณะจะใช้รถกระบะลำเลียงยาเสพติดจาก จ.เชียงราย มาส่งมอบให้กับลูกค้าใน กทม. และปริมณฑล

               และคดีที่ 7 เจ้าหน้าที่ กก.3 บก.ปส.2 ร่วมกับ บก.ขส.บช.ปส. จับกุม นายอุเทน ศรพร้อม อายุ 25 ปี และนายเฉลิมพล โพธิอำพล อายุ 60 ปี พร้อมของกลาง ยาบ้า 276,000 เม็ด รถยนต์ 2 คัน โทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง จับกุมเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. ที่ผ่านมา ขณะกำลังขับรถนำยาบ้าจากพื้นที่ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไปส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ตอนในและภาคใต้ ลักษณะใช้รถลำเลียงยาบ้า 1 คัน และรถนำคอยดูเส้นทาง 1 คัน ใช้เส้นทาง จ.บึงกาฬ - สกลนคร - อุดรธานี - ขอนแก่น - นครราชสีมา - สระบุรี - กทม. - สงขลา แต่เจ้าหน้าที่สามารถสกัดยาเสพติด และจับกุมนายเฉลิมพลซึ่งทำหน้าที่ขับรถสำรวจเส้นทาง และนายอุเทนไว้ได้ โดยนายอุเทนร่วมกับพวกอีกคนที่อยู่ระหว่างหลบหนีทำหน้าที่ขับรถขนยาบ้า เบื้องต้น แจ้งข้อหาว่า ร่วมกันกับพวกที่หลบหนีมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.2 ดำเนินคดี

 

 

 

จับกุมยาเสพติด 7 คดี มูลค่ากว่า 440 ล้าน

 

 

 

จับกุมยาเสพติด 7 คดี มูลค่ากว่า 440 ล้าน

 

 

 

จับกุมยาเสพติด 7 คดี มูลค่ากว่า 440 ล้าน

 

 

 

จับกุมยาเสพติด 7 คดี มูลค่ากว่า 440 ล้าน

 

 

 

จับกุมยาเสพติด 7 คดี มูลค่ากว่า 440 ล้าน

 

 

 

จับกุมยาเสพติด 7 คดี มูลค่ากว่า 440 ล้าน

 

 

 

จับกุมยาเสพติด 7 คดี มูลค่ากว่า 440 ล้าน

 

 

 

จับกุมยาเสพติด 7 คดี มูลค่ากว่า 440 ล้าน

 

 

 

จับกุมยาเสพติด 7 คดี มูลค่ากว่า 440 ล้าน

 

 

 

จับกุมยาเสพติด 7 คดี มูลค่ากว่า 440 ล้าน

 

 

 

จับกุมยาเสพติด 7 คดี มูลค่ากว่า 440 ล้าน

 

 

 

จับกุมยาเสพติด 7 คดี มูลค่ากว่า 440 ล้าน

 

 

 

จับกุมยาเสพติด 7 คดี มูลค่ากว่า 440 ล้าน

 

 

 

จับกุมยาเสพติด 7 คดี มูลค่ากว่า 440 ล้าน

 

 

 

จับกุมยาเสพติด 7 คดี มูลค่ากว่า 440 ล้าน

 

 

 

จับกุมยาเสพติด 7 คดี มูลค่ากว่า 440 ล้าน

 

 

 

จับกุมยาเสพติด 7 คดี มูลค่ากว่า 440 ล้าน

 

 

 

จับกุมยาเสพติด 7 คดี มูลค่ากว่า 440 ล้าน

 

 

 

จับกุมยาเสพติด 7 คดี มูลค่ากว่า 440 ล้าน

 

 

 

จับกุมยาเสพติด 7 คดี มูลค่ากว่า 440 ล้าน

 

 

 

จับกุมยาเสพติด 7 คดี มูลค่ากว่า 440 ล้าน

 

 

 

จับกุมยาเสพติด 7 คดี มูลค่ากว่า 440 ล้าน

 

 

 

จับกุมยาเสพติด 7 คดี มูลค่ากว่า 440 ล้าน

 

 

 

จับกุมยาเสพติด 7 คดี มูลค่ากว่า 440 ล้าน

 

 

 

จับกุมยาเสพติด 7 คดี มูลค่ากว่า 440 ล้าน

 

 

 

จับกุมยาเสพติด 7 คดี มูลค่ากว่า 440 ล้าน

 

 

 

จับกุมยาเสพติด 7 คดี มูลค่ากว่า 440 ล้าน

 

 

 

จับกุมยาเสพติด 7 คดี มูลค่ากว่า 440 ล้าน

 

 

 

จับกุมยาเสพติด 7 คดี มูลค่ากว่า 440 ล้าน

 

 

 

จับกุมยาเสพติด 7 คดี มูลค่ากว่า 440 ล้าน

 

 

 

จับกุมยาเสพติด 7 คดี มูลค่ากว่า 440 ล้าน

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ