เกษตรกรผู้เลี้ยงวัวนมที่ลพบุรีผวา "มือมืด" วางยาเบื่อให้วัวนมกินโดยยัดใส่ฝักข้าวโพดอ่อน ตำรวจ-นายอำเภอ - ชาวบ้าน ช่วยกันควานหาตัวคนร้ายแต่ยังมืดแปดด้าน
เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงวัวนมที่ อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี ผวา เมื่อมีผู้ก่อเหตุ “วางยา” วัวนมโดยใช้วิธีใส่ “สารพิษ” เข้าไปในฝักข้าวโพดอ่อน แล้วนำไปโยนให้วัวนมกิน เกิดเหตุนับสิบครั้งในหลายพื้นที่ของ อ.พัฒนานิคม ล่าสุดทางตำรวจยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้
ว่าที่ ร.ต.ทรงพล แป้นแก้ว นายอำเภอพัฒนานิคม กล่าวว่า เมื่อช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุวางยาวัวนมที่พื้นที่ อ.พัฒนานิคม ในหลายจุด ตอนนี้ทางตำรวจกำลังรวบรวมหลักฐานและสืบสวนเรื่องนี้อยู่ แต่จนถึงขณะนี้ตำรวจก็ยังแกะไม่ออกว่าใครได้ประโยชน์ และผู้ก่อเหตุมีแรงจูงใจอะไร
นายอำเภอพัฒนานิคม เล่าว่า เมื่อช่วงต้นปีก็เคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้ในพื้นที่ ต.ช่องสาริกา อ.พัฒนานิคม แต่ก็เงียบหายไประยะหนึ่ง และกลับมาเกิดขึ้นในครั้งนี้ที่พื้นที่ ต.พัฒนานิคม และ ต.ชอนน้อย บางกรณีวัวตาย บางกรณีวัวไม่กินก็ไม่ตาย
“ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นเรื่องของกลไกค้าเนื้อวัว เพราะเมื่อวัวตายราคาจะถูกลง จากวัวเป็นตัวละ 3-5 หมื่น หากเป็นวัวตา่ยจะเหลือตัวละไม่เกิน 5 พัน แต่จากการสอบถามไปยังปศุสัตว์อำเภอและผู้เกี่ยวข้องกับการค้าเนื้อวัวในพื้นที่พบว่าตอนนี้เนื้อวัวไม่ได้ขาดแคลน และไม่ได้อยู่ีในภาวะราคาแพง รวมทั้งแหล่งชำแหละเนื้อวัวหลักๆในพื้นที่ก็จะรับชำแหละเฉพาะวัวเป็น ไม่รับวัวตาย”
นายอำเภอพัฒนานิคม กล่าวต่ออีกว่า อีกประเด็นที่มีการตั้งสมมุติฐานกัน คือ ผู้ทำอาจมีปัญหาทางจิตหรือไม่ อย่างไรก็ตามดูจากพฤติการณ์ที่ทำก็ไม่น่าใช่เพราะมีความซับซ้อนขึ้น และทำในหลายพื้นที่ จากตอนแรกใส่สารพิษซึ่งคาดว่าอาจจะเป็นจำพวกยาฆ่าหญ้าเข้าไปในฝักข้าวโพดอ่อนและโยนให้วัวกิน แต่บางรายวัวไม่กินเพราะอาจจะได้กลิ่นเหม็น ล่าสุดมีการหักแกนข้าวโพดออก ใส่อาหารวัวและใส่ยาในลูกโป่งมัดปากเข้าไปแทน และเย็บเปลือกข้าวโพดให้ติดกันเป็นรูปฝักข้าวโพดเหมือนเดิม คาดว่าอาจจะเพื่อไม่ให้วัวได้กลิ่นยา
ว่าที่ ร.ต.ทรงพล บอกว่า ขณะนี้ได้ระดมชุดฝ่ายความมั่นคงของอำเภอ ร่วมกับทางตำรวจ สภ.พัฒนานิคม ออกลาดตระเวณในเวลากลางคืนเพื่อดูสิ่งผิดปกติ เนื่องจากผู้ก่อเหตุจะก่อเหตุในเวลากลางคืน และให้ประชาชน เจ้าของฟาร์มเฝ้าระวังด้วย
ทั้งนี้อาชีพเลี้ยงโคนมเป็นอาชีพหลักหนึ่งอาชีพหนึ่งของเกษตรกรที่ อ.พัฒนานิคม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงก่อให้เกิดความกังวลและหวาดผวาให้กับผู้เลี้ยงวัวนม หลายคนบอกว่าเมื่อเกิดเหตุนี้ทำให้ไม่สามารถนอนหลับได้สนิทแล้ว เพราะกังวลว่าจะเกิดเหตุในฟาร์มของตัวเอง
พ.ต.อ.ดิเรก แจ่มสุธี ผู้กำกับ สภ.พัฒนานิคม กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าใครทำและูุ้่มีเจตนาอะไร และไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องความขัดแย้งส่วนตัว เพราะเป็นการก่อเหตุลักษณะเดียวกันในหลายพื้นที่ เบื้องต้นได้มีการประสานกับฝ่ายปกครองของอำเภอ ทั้งผู้ใหญ่บ้าน กำนัน และอาสาสมัคร ให้ช่วยกันออกตรวจตราป้องกัน และประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านช่วยกันเฝ้าระวัง
พ.ต.อ.ดิเรก กล่าวว่า ในทางคดีนั้น ตอนนี้ทางปศุสัตว์อำเภอได้ส่งสารพิษที่พบในข้าวโพดที่โยนให้วัวกินไปให้สถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ตรวจสอบ เพื่อจะได้ทราบผลชัดๆว่าคือสารอะไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฟาร์มโคมรายล่าสุดที่โดนวางยา คือ ฟาร์มของนายสุเทพ จวนแจ้ง อายุ 70 ปี แต่โชคดีที่นายสุเทพเอาไข่ขาวมากรอกช่วยไว้ได้ทัน
นางรสสุคนธ์ จำปาดิบ สมาชิก อบต.ชอนน้อย กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่สามารถจับมือใครดมได้ แต่ทางชาวบ้านและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ร่วมมือกันเป็นอย่างดีในออกลาดตระเวณเฝ้าระวัง ซึ่งจะมีทั้งระดับหมู่บ้าน ระดับตำบล และระดับอำเภอ
นางรสสุคนธ์ กล่าวว่า ก่อนจะเกิดเหตุที่บ้านลุงสุเทพ ในพื้นที่ ต.ชอนน้อย ได้เกิดเหตุในพื้นที่ ต.พัฒนานิคม มาก่อน เรียกได้ว่าที่ผ่านมาเกิดเหตุมาเรื่อยๆ แต่จะมีการทิ้งช่วง และในการก่อเหตุแต่ละครั้งก็จะย้ายพื้นที่ไป เช่นจาก ต.ช่องสาริกาในตอนแรก ต่อมา เป็น ต.พัฒนานิคม และล่าสุดเป็นที่ ต.ชอนน้อย แต่ดูเหมือนรอบนี้จะเกิดขึ้นถี่กว่าที่ผ่านมา
นายธีระพงษ์ วงษ์ทอง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 13 ต.ช่องสาริกา กล่าวว่า เฉพาะพื้นที่ในหมู่ของตัวเองเกิดเหตุมาแล้ว 3 ครั้ง คือ วันที่ 29 ม.ค., 13 ก.พ. และล่าสุด 11 พ.ย. โดยวัวตายทั้ง 3 บ้าน นอกจากนี้ในอีกหมู่ของ ต.ช่องสาริกา ก็โดน โดยบ้านนั้นโดน 2 ครั้ง และวัวตายไปครั้งหนึ่ง
“ตอนนี้ก็ยังมืดแปดด้าน ตราบใดที่ยังหาคนที่ได้ผลประโยชน์ไม่ได้ก็คงจะหาคนก่อเหตุยาก" ผู้ใหญ่ธีระพงษ์ กล่าว
ผู้ใหญ่ธีระพงษ์ กล่าวต่อว่า เท่าที่ทราบ พื้นที่ ต.ช่องสาริกา น่าจะเป็นพื้นที่ที่เกิดเหตุมากที่สุด โดยรวมเหตุทั้งหมดใน อ.พัฒนานิคมน่าจะเกิดมาแล้วไม่น้อยกว่าั 10 ครั้ง นอกจากนี้ยังทราบว่าพื้นที่ติดเขต ต.ช่องสาริกา ทั้งฝั่งไปทาง ต.โคกตูม อ.เมือง ลพบุรี และ อีกฝั่งที่เป็นพื้นที่ จ.สระบุรี ก็เกิดเหตุด้วยเหมือนกัน
“ตอนนี้เราก็ร่วมมือกันเต็มที่ ทางอำเภอทางตำรวจก็ช่วยเหลือเป็นอย่างดีในการออกลาดตระเวณตรวจตรา ผมเองก็คุยกับลูกบ้านเลยว่าต้องใช้วิธีสลับกันตื่นขึ้นมาดู และถ้าใครเจออะไรผิดปกติให้โทรแจ้งผมได้ตลอดเวลา ผมจะได้ประสานทีมเคลื่อนที่เร็ว ตราบใดที่ยังจับคนก่อเหตุไม่ได้เราก็ต้องช่วยกันแบบนี้ไปก่อน” ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 13 ต.ช่องสาริกา กล่าว
ผู้ใหญ่ธีระพงษ์ กล่าวอีกว่า มีครั้งหนึ่งที่ชาวบ้านเจอวัยรุ่น 2 คนขับมอเตอร์ไซด์มาัจอดที่ถนนในตอนกลางคืน และหิ้วถุงมาด้วย แต่เมื่อเจ้าของบ้านตะโกนถามว่ามาทำอะไรก็รีบขับรถหนีไป
อย่างไรก็ตาม ตอนแรกมีการตั้งข้อสังเกตว่า คอกวัวที่อยู่ติดกับถนนหรือซอยจะมีความเสี่ยงมากกว่าคอกที่อยู่ด้านใน แต่จากข้อมูลคอกวัวที่เกิดเหตุหลายรายก็อยู่ด้านหลังบ้าน ไม่ได้อยู่ติดถนน และจากร่องรอยก็พบว่าคนร้ายน่าจะเดินเข้าด้านหลังบ้านเพื่อไม่ให้สุนัขเห่า.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง