ข่าว

"บิ๊กโจ๊ก" จ่อฟัน 3 ข้อหา ร้านเวดดิ้งแสบ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"บิ๊กโจ๊ก" จ่อฟันร้านเวดดิ้งลาดพร้าว "ฉ้อโกง-ฟอกเงิน-พ.ร.บ.คอมพ์" เหยื่อบุกร้านเรียกร้องแสดงความรับผิดชอบ หลังจัดงานชุ่ย-ติดต่อไม่ได้ ล่าสุดยังไร้เงาเจ้าของร้าน

 

              เมื่อเวลา 16.50 น. วันที่ 13 พฤศจิกายน 2561 ที่ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบช.สตม. ในฐานะรองผอ.ศปอส.ตร. กล่าวถึงกรณีผู้เสียหายเป็นคู่บ่าว-สาว จำนวนไม่ต่ำกว่า 300 ราย แจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนว่าถูกร้านเวดดิ้งครบวงจรย่านลาดพร้าวเบี้ยวนัดรับเสื้อผ้า หรือได้รับไม่ตรงตามสเป็คที่สั่งไว้หลังโอนเงินชำระเต็มจำนวน ว่า จากการสอบถามผู้เสียหายแล้ว พบว่าเป็นการหลอกลวงประชาชนทั้งสิ้น จึงอาจเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนเป็นปกติธุระ โดยกรณีดังกล่าวมีจำนวนผู้เสียหายกว่าหลักร้อยราย แสดงเห็นว่าเป็นมีความตั้งใจที่จะการกระทำอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นความผิดฐานฟอกเงินอีกส่วนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ในการประกาศโฆษณาการค้าหรือบริการผ่านทางสื่อโซเชียลมีเดีย ที่ไม่เป็นตามความจริง ก็จะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ด้วย ทั้งนี้ตนจะเร่งรัดให้พนักงานสอบสวน ทำการรวบรวมข้อมูลต่างๆ เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอีกต่อไป

 

 

              ขณะที่ผู้เสียหายถูกโกงกรณีเช่าชุดแต่งงาน กว่า 20 คน เดินทางเข้าเจรจากับเจ้าของร้าน Panvisit ซอยสุคนธสวัสดิ์ 9 ลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร หลังจากที่ร้านแจ้งว่าทางร้านจะเปิดและแถลงความชัดเจนในเวลา 10.00 น. แต่เมื่อเดินทางมาถึงกลับพบว่าร้านดังกล่าวปิดทำการและไม่พบเจ้าของร้านโดยมีเพียงป้ายจากทางเจ้าของอาคารติดหน้าร้านว่า อาคารแห่งนี้ร้าน Panvisit เป็นเพียงผู้เช่าอาคารแห่งนี้เท่านั้น ถามเจ้าของอาคารไม่มีส่วนรู้เห็นใดใดของร้าน

 

 

"บิ๊กโจ๊ก" จ่อฟัน 3 ข้อหา ร้านเวดดิ้งแสบ

 

 

              ผู้เสียหายรายหนึ่ง เล่าว่า ตนเองเจอร้านนี้ผ่านทางเฟซบุ๊ก ซึ่งร้านความน่าเชื่อถือหลังจากมีการโฆษณาว่าเคยจัดงานขนาดใหญ่ อีกทั้งเจ้าของเป็นเชฟทำอาหารที่มีชื่อเสียง จึงตัดสินใจเลือกร้านนี้ ซึ่งเมื่อมาติดต่อทางร้านได้เสนอแพ็คเกจในราคา 8 แสน 5 หมื่นบาท และอ้างว่าจะทำให้ทั้งหมด เจ้าของงานมีหน้าที่ทำเพียงแค่การ์ดและของชำร่วย เบื้องต้นได้วางมัดจำไปจำนวน 2 แสน 1 หมื่นบาท คิดเป็น 30 % ของแพ็คเกจ

              เมื่อถึงวันถ่ายพรีเวดดิ้ง เจ้าของร้านเสนอแพคเกจไปเที่ยวญี่ปุ่นพร้อมช่างกล้อง แต่ต้องจ่ายเงินมัดจำเพิ่มเป็น 50 % ซึ่งตนเองตกลงจึงต้องจ่ายเงินเพิ่มเป็นเงิน 3 แสน 5 หมื่นบาท แต่หลังจากนั้นทางร้านไม่ติดต่อมาอีกเลย อีกทั้งทางฝ่ายตนเอง(ผู้เสียหาย)จะต้องเป็นฝ่ายติดต่อมาตลอด กระทั่งตนเองได้ตรวจสอบเฟซบุ๊กทางร้าน พบว่าเริ่มมีคนแสดงความคิดเห็นว่าไม่ได้รับการจัดงาน ไม่มีรีวิวจากลูกค้า จึงตัดสินใจตรวจสอบกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพานิช พบว่าธุรกิจยกเลิกไปแล้ว จึงพยายามทำจดหมายส่งไปรษณีย์ตอบรับมาถึงร้านให้ชี้แจง แต่ยังไม่มีการชี้แจงและไม่ได้รับเงินคืน

 

 

"บิ๊กโจ๊ก" จ่อฟัน 3 ข้อหา ร้านเวดดิ้งแสบ

 

 

              ส่วนงานแต่งตนขณะนี้ก็ยังคงมีต่อไป แต่ต้องเริ่มทำใหม่หมดทุกอย่าง ทั้งการ์ดแต่งงาน สถานที่จัดงาน ซึ่งตนเองมาที่ร้านเพื่อขอให้เจ้าของร้านมาแสดงความรับผิดชอบ เนื่องจากมีผู้เสียหายหลายรายที่เดือดร้อนและไม่สามารถหาสถานที่จัดได้ เนื่องจากใกล้วันแต่งงาน โดยหลังจากนี้ผู้เสียหายทั้งหมดจะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อที่ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสาร สนเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

              ขณะผู้เสียหายอีกราย เผยว่า กำลังจะแต่งงานในวันเสาร์ที่ 17 พ.ย.นี้ และนัดรับชุดในวันพฤหัสบดีนี้ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อทางร้านได้ แล้วตนต้องทำอย่างไร จะให้นั่งรอระเบิดเวลาที่จะทำให้งานแต่งตนล่มหรืออย่างไร อยากให้เจ้าของร้านออกมาแสดงความรับผิดชอบ ถ้าไม่ได้ชุดแล้วก็ให้บอกมา ตนจะได้รีบไปหาที่ใหม่ งานแต่งครั้งเดียวในชีวิต ผู้หญิงทุกคนอยากสวยอยากเป็นเจ้าหญิงในวันแต่งงาน แต่ร้านกลับมาทำแบบนี้ในวันที่หลายคนรอมาทั้งชีวิต

 

 

 

              ด้าน พ.ต.ท.พสิษฐ์ สายชนม์ศักดิ์ รองผกก.(สอบสวน) สน.โชคชัย กล่าวว่า ขณะนี้ทางศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสาร สนเทศ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับข้อมูลผู้เสียหายและทำการประสานส่งข้อมูลให้กับทาง บก.ปคบ. เป็นหน่วยงานหลักในการสอบสวนความเสียหายในเรื่องนี้แล้ว จากนี้ทาง สน.โชคชัย จะประชาสัมพันธ์ผู้ที่ได้รับเสียหายในเรื่องนี้ให้ไปแจ้งความกับทาง บก.ปคบ. เลย

              พ.ต.ท.พสิษฐ์ กล่าวว่า ในส่วนของคนที่มาแจ้งความที่ สน.นั้น มีคนมาแจ้งความในกรณีนี้เบื้องต้น 32 ราย ตนจะมีการเรียกประชุมทางพนักงานสอบสวนเพื่อสรุปสำนวนในคดีนี้ โดยผู้เสียหายที่มาความที่สน.มี3รูปแบบด้วยกัน คือ 1.ได้ว่าจ้างร้านให้จัดงานแต่งงาน แต่มีการจัดงานที่ไม่ได้มาตรฐาน 2. ผู้เสียหายที่มารับชุดแต่งงานไปแล้ว เมื่อนำชุดมาคืนกับร้าน ยังไม่ได้เงินมัดจับคืน และ 3.เป็นผู้เสียหายที่มาลงบันทึกประจำวันไว้ก่อนหลังมีข่าวออกไปเพราะกลัวจะได้รับความเสียหายเกิดขึ้น ขั้นตอนต่อจากนี้เจ้าหน้าที่จะแยกประเภทลักษณะพฤติการณ์ผู้เสียหายแบ่งตามลักษณะต่าง ๆ โดยจะใช้เวลาให้เร็วที่สุดในหารสรุปสำนวนทั้งหมดคือ 1 อาทิตย์ จากนั้นจะประสานไปทาง บก.ปคบ. เพื่อหาข้อสรุปให้ตรงกันว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นเข้าข่ายคดีทางแพ่ง หรือคดีอาญาในส่วนของการฉ้อโกง ซึ่งหากเข้าข่ายคดีอาญาก็จะทำการออกหมายเรียกเจ้าของร้านมาให้ปากคำเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ตอนนี้ทางเจ้าของร้านยังไม่ต้องมาพบเจ้าหน้าที่ เนื่องจากต้องรอให้ทางพนักงานสอบสวนสรุปสำนวนคดีให้แล้วเสร็จก่อน

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ