สุดเศร้า !! รับศพสาวถูกผัวโหดสาดน้ำกรด

 

              ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 12 พฤศจิกายน 2561 นางทองอาด ทาระวัน มารดา พร้อมกับญาติ เดินทางมารับร่าง น.ส.ช่อลัดดา ทาระวัน อายุ 38 ปี ซึ่งถูกนายคำตัน สิงหนาท อายุ 50 ปี สามี เอาน้ำกรดสาดที่ใบหน้า เพราะความหึงหวง ทำให้ น.ส.ช่อลัดดา ต้องประคองตัวเองให้ลูกสาววัยเพียง 12 ปี ขึ้นแท็กซี่พามาโรงพยาบาล และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

 

 

 

              นางทองอาด กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะผู้ก่อเหตุเป็นลูกเขย ไม่ให้อภัยกับการกระทำในครั้งนี้เพราะถือว่ารุนแรงเกินกว่าเหตุ ตั้งแต่เกิดเหตุก็ยังไม่ได้คุยกับลูกเขยเลย และที่ผ่านมาไม่ทราบว่าทั้งสองคนมีปัญหาอะไรกัน เพราะปกติลูกสาวก็ไม่ค่อยเล่าให้ปัญหาฟัง โทรหากันบ้างเดือนละครั้ง ส่วนคำชี้แจงของทางโรงพยาบาล ไม่ยอมรับผิด ไม่ขอโทษ อีกทั้งบอกให้ครอบครัวของพวกตนไปฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย ทำให้เสียความรู้สึก หากหากโรงพยาบาลรับผิดชอบควรจะให้โอกาสในการรักษาซึ่งจะทำให้บุตรสาวมีโอกาสรอดชีวิต

 

 

 

 

              ขณะที่ลูกสาววัย 12 ปี กล่าวสั้นๆว่า คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงตนเอง ตนเองจะเลี้ยงยาย เลี้ยงน้องเอง จะเป็นเด็กดี แม่ไม่ต้องเป็นห่วง รักแม่มากๆและจะไม่ทำให้เสียใจ แม่เคยบอกกับตนเองว่าให้ตั้งใจเรียน อย่าเกเร อย่าดื้อ เชื่อฟังยาย ตนเองสัญญาว่าจะทำตามที่คุณแม่บอก และตนเองไม่โกรธนายคำตัน สิงหนาท พ่อเลี้ยง เพราะเขาก็ทำดีกับตนเอง

              สำหรับร่างของลูกสาวจะนำกลับไปบำเพ็ญกุศลที่ วัดแสงธรรมรังสี ต.โนนทอง อ.แวงใหญ่ จ.ขอนแก่น เป็นเวลา 1 วัน ส่วนผลการชันสูตรพลิกศพ เสียชีวิตเนื่องจาก ระบบหายใจไหลเวียนโลหิตล้มเหลว

 

 

 

 

 

              เพื่อนสนิทเผยสาวถูกสาดน้ำกรดเคยขอเลิกหลายครั้งแต่อีกฝ่ายไม่ยอม ซ้ำถูกขู่ฆ่า

 

              ด้านเพื่อนสนิทของ น.ส.ช่อลัดดา ไม่ขอเปิดเผยชื่อ-นามสกุล เปิดเผยว่า ปกติเพื่อนเป็นคนดี ขยันทำงาน เพราะเป็นเสาหลักของบ้านต้องหาเงินเลี้ยงครอบครัว ดูแลลูกและส่งเงินให้แม่ ที่ผ่านมาหากมีอะไรเพื่อนก็จะมาปรึกษาเล่าปัญหาให้ฟัง พูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ส่วนในที่ทำงานก็ตั้งใจทำงานเป็นอย่างดี ไม่ค่อยพูดเรื่องส่วนตัวให้ใครฟัง น.ส.ช่อลัดดาพยายามขอเลิกกับนายคำตันมาหลายครั้งแล้ว แต่ฝ่ายชายไม่ยอม ขู่จะฆ่าจะตามหาตัว น.ส.ช่อลัดดา จนเจอ เมื่อเพื่อนๆ ทราบเคยบอกให้ น.ส.ช่อลัดดา ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน แต่ น.ส.ช่อลัดดา ก็นิ่งเฉย เพราะคงคาดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุแบบนี้ขึ้น เนื่องจากเวลาที่ทะเลาะกัน จะทะเลาะกันภายในห้อง อาจมีเสียงดังออกมาบ้างครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่งนายคำตันได้ยกเก้าอี้จะทำร้าย น.ส.ช่อลัดดา น.ส.ช่อลัดดาจึงบอกกับนายคำตันว่ายอมให้นายคำตันทำร้าย แต่หากทำร้ายแล้วจะต้องเลิกกัน นายคำตันจึงยอมวางเก้าอี้ลง บางครั้งก็โดนบีบคอ แต่คิดไม่ถึงว่าจะถึงขั้นทำให้เสียชีวิต

 

 

 

 

              “ฝ่ายชายคิดระแวงไปเองว่า น.ส.ช่อลัดดา จะไปมีคนอื่น ทั้งที่จริงแล้ว น.ส.ช่อลัดดา ตั้งใจทำงานเก็บเงินส่งให้ลูกเรียน และส่งเงินกลับบ้านต่างจังหวัดเพื่อดูแลแม่ ทั้งนี้ตนสนิทกับ น.ส.ช่อลัดดา จึงช่วยดูแลลูกสาว พาไปเที่ยว บางครั้งก็มานอนด้วยกับตน คอยรับส่งดูแลช่วย น.ส.ช่อลัดดา ซึ่งลูกสาวอยู่ชั้น ป.6 อีกหนึ่งเทอมก็จะจบแล้ว ตอนแรกคุยกันว่าจะฝากให้ตนช่วยดูแลอีกหนึ่งเทอมแล้วจึงค่อยย้ายกลับไปเรียนที่บ้านที่ต่างจังหวัด แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นคงต้องรอปรึกษากับทางครอบครัวของ น.ส.ช่อลัดดา หลังจากเสร็จสิ้นงานบำเพ็ญกุศลศพก่อนว่าจะให้ทำอย่างไรต่อไป” เพื่อนสนิท ระบุ

 

 

 

 

              ขณะที่ น.ส.บุษบา เอี่ยมศิริ อายุ 46 ปี เพื่อนบ้านใกล้เคียง เปิดเผยว่า มาทราบว่าเกิดเหตุการณ์ขึ้นช่วงเวลา 09.00 น. ว่าเหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 04.00-05.00 น. ตนไม่เคยได้ยินเสียงทะเลาะกันมาก่อน ฝ่ายหญิงเป็นคนไม่ค่อยพูดกับใคร ส่วนฝ่ายชายไม่เคยปรึกษาปัญหาครอบครัวเลย เป็นคนอัธยาศัยดี ทำงานบ้านทุกอย่าง ไม่คิดไม่ฝันว่าจะก่อเหตุสลดขึ้น ทั้งนี้ครอบครัวนี้ย้ายมาอยู่ที่หอพักได้ประมาณ 3-4 ปี

 

 

 

 

              ด้านนายวิท (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 47 ปี เพื่อนบ้าน เปิดเผยว่า ตนมีอาชีพขับรถแท็กซี่ แต่ขับคนละเวลากับนายคำตัน โดยตนจะขับในเวลากลางคืน และผู้ต้องหาขับในเวลากลางวัน กระทั่งวันที่ 9 พฤจิกายน 2561 เวลาประมาณ 09.00 น. ขณะที่ตนมาซื้อกับข้าวเตรียมขึ้นห้องพัก ก็ได้ยินคนคุยกันว่า น.ส.ช่อลัดดา เสียชีวิตแล้ว ขณะเดียวกันลุงที่รู้จักมาเล่าให้ฟังว่า เมื่อประมาณ 05.30 น. ได้ยินเสียงคนกรีดร้อง และเสียงคนวิ่ง แต่พอออกมาดูก็ไม่พบใคร ซึ่งเมื่อตนได้ยินดังนั้นก็ตกใจ เพราะไม่คิดว่าผู้ต้องหาจะกล้าทำเช่นนี้ เพราะปกติแล้วดูท่าทางรักภรรยามาก และไม่เคยมีเสียงคนทะเลาะดังมาจากห้องเลย