ข่าว

ศาลไม่รับคำอุทธรณ์คดีอาญาญาติฆ่ายกครัว 8 ศพกระบี่

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ชี้"ญาติผู้ใหญ่บัติ"ผู้ตายไม่ได้เป็นโจทก์ร่วมแต่แรกไม่มีอำนาจยื่นอุทธรณ์ส่วนผลคดีอาญายังไม่ถึงที่สุดอัยการยื่นอุทธรณ์

 

               7 พฤศจิกายน 2561 "นายประยุทธ เพชรคุณ" รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีที่วันนี้ ศาลจังหวัดกระบี่ นัดฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 8 คดีที่ญาติของผู้ตายและผู้บาดเจ็บจากเหตุฆ่ายกครัว "ผู้ใหญ่บัติ"  

 

 

               ผู้ใหญ่บ้านเขางามใน จ.กระบี่รวม 8 ศพเมื่อวันที่ 10 ก.ค.60  ยื่นอุทธรณ์ว่า กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องญาติของผู้ตายได้ยื่นคำอุทธรณ์ในส่วนคดีอาญา แต่ศาลพิจารณาแล้วว่าไม่ได้เป็นโจทก์ร่วมฟ้องกับอัยการ เพียงแต่เป็นผู้ร้องที่ได้ยื่นคำขอชดใช้เงินทางแพ่งเท่านั้น จึงไม่มีสิทธิยื่นอุทธรณ์ อย่างไรก็ดีในส่วนของคดีอาญานั้นอัยการก็ได้ยื่นอุทธรณ์ไปแล้วซึ่งผลคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ก็ต้องรอพิจารณาต่อไป

 

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดยวันนี้ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา "นายจรีย์ บุตรเติบ" อายุ 59 ปี พ่อตาของนายวรยุทธ สังหลังหรือผู้ใหญ่บัติ" และญาติพี่น้องครอบครัวที่ตายกับได้รับบาดเจ็บ ก็ได้เดินทางมาฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 8 หลังจาก "นายจรีย์" และกลุ่มญาติรวม 7 คนซึ่งเป็นผู้ร้องที่ 2-8 ได้ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์คดีส่วนอาญา โดยครั้งแรกกลุ่มญาติดังกล่าวได้ยื่นอุทธรณ์คดีในส่วนอาญา แต่ชั้นพิจารณาจะรับ-ไม่รับคำอุทธรณ์ของศาลชั้นต้นนั้น ศาลจังหวัดกระบี่ซึ่งเป็นศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยว่า ผู้ร้องที่ 2 – 8 ไม่ได้เป็นโจทก์หรือโจทก์ร่วม จึงไม่มีอำนาจยื่นอุทธรณ์คดีส่วนอาญานี้จึงไม่จำต้องพิเคราะห์คำอุทธรณ์ว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จึงไม่รับอุทธรณ์ดังกล่าวไว้  

 

               โดยคดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 28 มี.ค.61 ให้ประหารชีวิต "นายซูริก์ฟัต บ้านนบวงศ์สกุล" หรือบังฟัต จำเลยที่ 1 กับลูกน้องอีก 5 คน คือนายคมสรรค์หรือมล หรือม่อน เวียงนนท์ , นายอับดุลเลาะหรือเลาะ ดอเลาะ , นายอรุณหรือกี หรือบังกี ทองคำ , นายประจักษ์หรือจัก บุญทอย , นายธนชัยหรือโกบ หรือบังโกบ จำนอง ที่ตกเป็นจำเลยที่ 2-6 ฐานร่วมกันฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นฯ ส่วนนายธวัฒชัยหรือชัย บุญคง จำเลยที่ 7 จำคุกทั้งสิ้น 1 ปี 9 เดือน และจำคุก น.ส.ชลิดาหรือดา สังขโชติ จำเลยที่ 8 ซึ่งเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียว เป็นเวลา 12 เดือน        

 

 

             และให้ "บังฟัต" กับลูกน้องจำเลยที่ 1-6 ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมตามคำขอส่วนแพ่งที่ญาติผู้ตายและผู้บาดเจ็บรวม 8 คนเป็นผู้ร้องด้วย ตั้งแต่จำนวน 420,000 บาท - 2,402,500 บาท ซึ่งในส่วนของ "นายจรีย์"พ่อตาผู้ใหญ่บ้านนั้นศาลให้ได้รับการชดใช้จำนวน 1,445,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5ต่อปีนับแต่วันยื่นคำร้องและวันละเมิด โดยให้ยกคำขอในส่วนที่จะให้จำเลยที่ 7 ร่วมชดใช้ด้วย

 

             ขณะที่ "ศาลอุทธรณ์ภาค 8" พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ตามฟ้องผู้ร้องที่ 2-8 เพียงแต่ยื่นคำร้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1-7 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนซึ่งเป็นคำฟ้องตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 44/1 วรรคสองเท่านั้น เมื่อผู้ร้องที่ิ 2-8 ไม่ได้ขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการ ผู้ร้องย่อมไม่อยู่ในฐานะเป็นคู่ความไม่มีสิทธิอุทธรณ์คดีในส่วนอาญาได้ คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ในคดีส่วนอาญานั้นชอบแล้ว ศาลอุทธรณ์ภาค 8 จึงให้ยกคำร้องดังกล่าว โดยให้ศาลชั้นต้นดำเนินการในส่วนคดีแพ่ง (การบังคับคดีให้ชดใช้เงิน) ต่อไป

 

              โดย "นายเกรียงศักดิ์ สาระภี" ทนายความจำเลยกล่าวว่า ผู้ร้องที่ 2- 8 ได้ยื่นอุทธรณ์ทั้งในส่วนเนื้อหาคดีอาญาและค่าสินไหมทดแทน แต่เนื่องจากผู้ร้องดังกล่าวไม่ได้เข้ามาเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการ ที่ผ่านมาครั้งแรกศาลชั้นต้นจึงไม่รับอุทธรณ์ที่เป็นเนื้อหาของคดีอาญาส่งให้ศาลอุทธรณ์ภาค 8 เพราะเห็นว่าไม่ใช่เป็นคู่ความดังนั้นผู้ร้องจึงยื่นอุทธรณ์  โดยวันนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ก็ยืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าว ส่วนแพ่งก็ให้ดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ในส่วนคดีแพ่งตนได้ปรึกษากับนายซูริก์ฟัต จำเลยที่ 1 แล้วนายซูริก์ฟัตบอกว่ายินยอมชดใช้ค่าเสียหายนั้นให้ทั้งหมดทั้งจำเลยที่ 2 – 6 ส่วนจะจ่ายเมื่อใดต้องรอประสานกับจำเลยก่อน       

 

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ