ข่าว

ร้อง ปอศ. ซื้อของออนไลน์ถูกโกง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ผู้เสียหายร้อง ปอศ. สาวโกงซื้อของออนไลน์ 1.5 พันคนถูกหลอก สูญเงินกว่า 1.3 ล้าน

 

               ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ถ.สาทร เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 22 ตุลาคม 2561  น.ส.ศุภาณี สุขขอม อายุ 38 ปี พร้อมด้วย น.ส.ศุทธินี เกตุพรหมมา อายุ 37 ปี และผู้เสียหายรวมกว่า 10 คน เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด รรท.ผบก.ปอศ. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของเพจขายสินค้าทางเฟซบุ๊ก จำนวน 3 เพจ หลังสั่งซื้อสินค้าแล้วไม่ได้รับสินค้าตามกำหนด เบื้องต้น มีผู้เสียหายกว่า 1,500 ราย มูลค่าความเสียหายประมาณ 1.3 ล้านบาท

 

 

 

               น.ส.ศุภาณี กล่าวว่า ตนรู้จักเพจเฟซบุ๊กมาจากหน้าเฟซบุ๊กที่ทางเพจมีการโพสต์ขายสินค้าจำพวกสินค้าเบ็ดเตล็ด เบาะรถยนต์ ตู้ และสินค้าลิขสิทธิ์ที่ลดราคา สินค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าจำพวกพรีออเดอร์ เมื่อสั่งสินค้าแล้วจะต้องรอสินค้าอีกประมาณ 10 - 15 วัน โดยใช้การโปรโมทเพจ ทำให้คนเข้าถึงและรู้จักเพจมากขึ้น ตนสนใจจึงได้ทักแชทเฟซบุ๊กไปเพื่อติดต่อขอซื้อสินค้า โดยทางแอดมินแจ้งว่า สินค้าที่ตนจะซื้อหากมีการโอนเงินมาก่อน สินค้าจะราคา 999 บาท แต่หากให้เก็บเงินปลายทางจะราคา 2,000 บาท ตนจึงได้โอนเงินไปเพื่อซื้อสินค้า

               น.ส.ศุภาณี กล่าวต่อว่า ต่อมาเมื่อถึงวันที่ครบกำหนดจะต้องได้สินค้า แต่ยังไม่ได้ ตนจึงได้มีการติดต่อไปยังแอดมิน เพื่อสอบถามเลขแทรค แต่ทางแอดมินไม่ตอบ และบล็อกเฟซบุ๊กหนี เบอร์ที่ให้มาไม่สามารถติดต่อได้ ตนจึงรู้ตัวว่าถูกโกง นอกจากนี้ตนยังพบว่ามีผู้เสียหายอีกหลายรายที่ถูกโกงเช่นกัน แต่มีผู้เสียหายบางรายที่ทักหาแอดมินไปเพื่อขอเงินคืน บางรายก็ได้คืน จนคิดว่าการกระทำเช่นนี้คือการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเพจ

               น.ส.ศุภาณี กล่าวอีกว่า ตนจึงหาข้อมูลเพิ่มเติมจึงทราบว่ามีทั้งหมด 3 เพจ คือ 1. เพจ Me Online มีผู้เสียหายทั้งหมด 34 คน 2. เพจ Fast Rasing มีผู้เสียหายทั้งหมด 204 คน และ 3. เพจ Top Hit Shopping มีผู้เสียหายทั้งหมด 936 คน โดยเพจทั้ง 3 เพจนี้ เริ่มมีการเปิดเพจในเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา และปิดเพจไปในเดือน ต.ค. นอกจากนี้ยังพบว่า เพจทั้ง 3 เพจ มีชื่อบัญชี น.ส.วิภา กล่ำเจริญ อายุ 25 ปี เกี่ยวข้องด้วย จึงได้มีการพูดคุยกับผู้เสียหายให้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพื่อดำเนินคดี

 

 

 

               นายวิทวัส นารถบุญ อายุ 23 ปี และนางปรานี แซ่วุ่น อายุ 47 ปี มารดา เดินทางมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ หลังจากทราบว่า น.ส.วิภา แฟนสาวของนายวิทวัสนำบัญชีของนางปรานีไปหลอกขายของ

               นายวิทวัส กล่าวว่า ตนคบหากับ น.ส.วิภา มา 3 ปี อาศัยอยู่ด้วยกัน น.ส.วิภา มีอาชีพขายของในบริษัท โดยปกติแล้ว น.ส.วิภา มีพฤติกรรมชอบโกหก ปิดบังตนเสมอ ในตอนต้นเดือน ต.ค. มีคนรู้จักตนทักมาบอกตนว่า แม่โกงเงินคนอื่น ตนตกใจ และคิดว่าเป็นไปไม่ได้ จึงได้สอบถามข้อเท็จจริงจากคนที่รู้จัก ตนจึงทราบว่า น.ส.วิภา ได้นำบัญชีของมารดาตนไปแอบอ้างเพื่อหลอกขายของ เมื่อนางปรานีทราบข่าวก็เครียดมาก ด้าน น.ส.วิภา เมื่อรู้ว่าตนทราบเรื่องทั้งหมดก็พยายามทานยาฆ่าตัวตาย แต่ตนช่วยไว้ทัน จากนั้นก็เกลี้ยกล่อมให้ไปมอบตัว แต่ต่อมา น.ส.วิภา ได้แชทไลน์มาบอกตนว่า ไปแล้ว เมื่อตนกลับมาบ้านก็ทราบว่า น.ส.วิภา ได้หนีไปจากบ้านและไม่สามารถติดต่อได้ เพราะได้ปิดเฟซบุ๊กไปหมดแล้ว และมาทราบภายหลังว่า น.ส.วิภา ได้นำเบอร์โทรศัพท์ของพ่อตนไปใช้ เลยกลัวว่าจะไปใช้กระทำความผิดต่อ เลยเดินทางมาแสดงความบริสุทธิ์ใจครั้งนี้

               นางปราณี กล่าวพร้อมน้ำตาว่า ตนไม่มีส่วนรู้เห็นกับการโกงดังกล่าว เพราะถูก น.ส.วิภา หลอกให้ไปเปิดบัญชีเมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าจะไปกู้เงินออนไลน์ ตนเลยเชื่อใจเพราะเห็นว่าเป็นแฟนกับลูกชายมานานกว่า 3 ปี เลยรักเหมือนลูกอีกคน หลังเปิดบัญชีเสร็จ น.ส.วิภา และเพื่อนได้เอาเล่มสมุดบัญชีและบัตรเอทีเอ็มไปทั้งหมด ตนรู้สึกเสียใจมาก ไม่คิดว่าจะทำกันได้ขนาดนี้

               เบื้องต้น พล.ต.ต.ไมตรี ได้พูดคุยกับผู้เสียหายและแนะนำให้กลุ่มผู้เสียหายเดินทางไปร้องเรียนต่อที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ