ข่าว

"บิ๊กโจ๊ก"แจงรับทราบเรื่องบิ๊กป้อม ถูกแอบอ้างแล้ว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"บิ๊กโจ๊ก"แจงกรณีอ้างชื่อ"บิ๊กป้อม"เรียกรับเงินเป็นเรื่องภายใน ปปง.ต้องตรวจสอบหากไม่จริง"อัจฉริยะ"ต้องรับผิดชอบ ด้าน ผอ.กองคดีฯเตรียมเปิดโปงขบวนการแอบอ้างชื่อ

 

 

          เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 19 ต.ค.2561  ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบช.สตม. กล่าวถึงกรณีที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เปิดเผยหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอ ไฟล์เสียง และเอกสารทางไลน์ ของเจ้าหน้าที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. คนหนึ่งเรียกรับเงิน 2 ล้านบาท จากนักธุรกิจเช่ารถในอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ว่า

 

 

          จากการตรวจสอบกรณีที่นายอัจฉริยะ ระบุมีเจ้าหน้าที่ ปปง. ร่วมกันเป็นขบวนการอ้างชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เรียกรับเงินจากนักธุรกิจรถเช่าในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไม่เป็นความจริง และขณะนี้ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้สั่งการใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ เนื่องจากติดราชการที่ประเทศสิงคโปร์ อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องภายในของ ปปง. ที่ต้องตรวจสอบ หากพบว่าข้าราชการ ปปง. ทำผิดจริงจะต้องดำเนินการความผิดทั้งทางวินัยและอาญา แต่ถ้าหากเรื่องที่เกิดขึ้นไม่เป็นความจริง นายอัจฉริยะ ก็ต้องรับผิดชอบ และหากเป็นเรื่องจริง ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ช่วยกันตรวจสอบ


          ด้านนายพีระพัฒน์ อิงพงษ์พันธ์ ผู้อำนวยการกองคดี 1 สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยตนเห็นเอกสารหนังสือราชการที่ถูกกล่าวถึง และยอมรับว่ามีความคล้ายกับลายเซ็นตัวเอง แต่ยืนยันว่าไม่ใช่ลายเซ็นตัวเองแน่นอน และล่าสุดตัวเองถูกนำชื่อไปแอบอ้างว่าชื่อ “พัฒน์” และจะมีการแถลงเปิดโปงขบวนการที่แอบอ้างชื่อตนในวันจันทร์ที่ 22 ต.ค.นี้ ซึ่งทราบว่าผู้ต้องหาเป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร สำหรับเรื่องดังกล่าว ก่อนหน้านี้คนที่เอาเงินไปจ่ายได้มาพบกับตน เมื่อมาพบตนแล้วก็พบว่าไม่ใช่ ผู้เสียหายจึงได้ไปแจ้งความ


          นายพีระพัฒน์ กล่าวอีกว่า บุคคลที่นายอัจฉริยะ ออกมาเปิดเผย ซึ่งเป็นการแอบอ้างชื่อ เป็นเพียงข้าราชการ ปปง.ระดับซี 3 ซึ่งโดยอำนาจไม่มีความเป็นไปได้ที่จะสามารถวิ่งเต้นช่วยคดีได้ จึงมีการแอบอ้างตัวเอง เป็นผู้อำนวยการสำนักคดี ซึ่งมีทั้งหมด 4 คน เรื่องนี้รักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง. ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง และให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว ยืนยันในส่วนของปปง. มีมาตรฐานการทำงานและแบ่งเเยกงานกันทำ โดยมีบุคคลากรเข้ามาเกี่ยวข้องจำนวนมาก เชื่อว่าไม่มีช่องโหว่ให้เกิดการทุจริตเกิดขึ้น และเป็นไปตามมาตรฐานสากล แต่ก็ยอมรับว่าอาจเกิดการเเอบอ้างได้


          ส่วนกรณีที่นายอัจฉริยะ นำข้อมูลมาเผยแพร่และสังคมพุ่งเป้ามาที่ตัวเองว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการเรียกรับเงินนั้น นายพีระพัฒน์ กล่าวว่า ขอตรวจสอบข้อมูลก่อน หากมีการพาดพิงปรากฏชื่อให้เสื่อมเสีย อาจจะพิจารณาปกป้องสิทธิ์ตามกฏหมายของตัวเอง โดยตั้งข้อสังเกตว่าการที่นายอัจฉริยะ พาดพิงเป็นตนนั้น อาจจะเป็นการสร้างข่าวเพื่อให้ตัวเองมีชื่อเสียงหรือไม่

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ