ข่าว

"6 ตำรวจ" พ้นคดีอำพรางฆ่าแขวนคอโจ๋

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ศาลฎีกายกฟ้อง "6 ตำรวจ" พ้นคดีอำพรางฆ่าแขวนคอโจ๋ ชี้ พยานให้การเป็นพิรุธ

               11 ต.ค. 61  ศาลฎีกามีคำพิพากษาแก้ให้ยกฟ้อง ด.ต.อังคาร คำมูลนา อายุ 54 ปี , ด.ต.สุดธินันท์ โนนทิง อายุ 49 ปี , ด.ต.พรรณศิลป์ อุปนันท์ อายุ 48 ปี , พ.ต.ท.สำเภา อินดี อายุ 57 ปี อดีต สวป.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ , พ.ต.อ.มนตรี ศรีบุญลือ อายุ 68 ปี อดีต ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ และ พ.ต.ท.สุมิตร นันท์สถิต อายุ 51 ปี อดีต รอง ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ (ยศตำแหน่งทั้งหมดขณะเกิดเหตุ)

 

 

 

               คดีที่อัยการยื่นฟ้องร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , ย้ายศพเพื่อปิดบังเหตุแห่งการตาย และเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญากระทำการในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อช่วยเหลือบุคคลไม่ต้องรับโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 199 , 200 , 289 (4) ประกอบมาตรา 83 , 89 , 90 , 91 กรณีเมื่อปี 2547 นายเกียรติศักดิ์ ถิตย์บุญครอง อายุ 17 ปี ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์จักรยานยนต์ เสียชีวิตจากการถูกบีบรัดคอจนขาดอากาศหายใจและเสียชีวิตแล้วถูกนำไปแขวนคอที่กระท่อมนา บ้านบึงโดน หมู่ที่ 5 ต.แสนชาติ อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด เพื่ออำพรางปิดบังสาเหตุการตาย

               ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า คดีนี้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานที่จะเห็นว่าจำเลยฆ่าผู้ตาย มีพยานเพียงปากเดียว ที่ให้การว่าเห็นจำเลยที่ 1 - 3 นำผู้ตายออกไปจากห้องสอบสวน ดังนั้น การรับฟังพยานต้องรับฟังด้วยความระมัดระวัง ซึ่งคำให้การของพยานนั้นก็ยังมีข้อสงสัยตามสมควร เป็นพิรุธ ไม่มีน้ำหนักให้น่าเชื่อถือ ขณะที่ชั้นพิจารณา จำเลยทั้งหกก็ให้การปฏิเสธมาโดยตลอด จึงน่าสงสัยว่าร่วมกระทำผิดจริงหรือไม่ ศาลจึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย จึงพิพากษาแก้ให้ยกฟ้องจำเลยทั้งหมด

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาที่ยกฟ้องแล้ว บรรดาญาติของจำเลยที่เดินทางมาร่วมฟังคำพิพากษากันเต็มห้องพิจารณาคดีที่ 902 ต่างส่งเสียงดีใจเข้าสวมกอดจำเลย ขณะที่จำเลยก็ก้มลงกราบขอบคุณศาลด้วยเช่นกัน

               ขณะที่ นางพิกุล พรหมจันทร์ อาของผู้ตาย ระบุว่า พูดไม่ออกเลย

 

 

 

               อย่างไรกดี ในส่วนของ ด.ต.อังคาร คำมูลนา , ด.ต.สุดธินันท์ โนนทิง , ด.ต.พรรณศิลป์ อุปนันท์ จำเลยที่ 1 - 3 ที่ถูกคุมขังในเรือนจำช่วงพิจารณาศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ เมื่อศาลฎีกามีคำพิพากษายกฟ้องซึ่งถือเป็นที่สุดแล้ว ก็จะได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำภายในวันนี้ต่อไป

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลสมัยนายทักษิณ ชินวัตร ประกาศนโยบายปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ขณะที่นางพิกุล พรหมจันทร์ อาของผู้ตาย ได้เข้าร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กาฬสินธุ์ และได้มีการร้องเรียนขอให้พิจารณาโอนคดีเข้าเป็นคดีพิเศษของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)

               โดยคดีนี้ในการพิจารณาของศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 55 ให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 1 - 3 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นฯ และย้ายศพเพื่อปิดบังสาเหตุการตาย , ให้จำคุกตลอดชีวิตจำเลยที่ 6 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นฯ และจำคุกจำเลยที่ 5 เป็นเวลา 7 ปี ฐานเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญากระทำการในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบฯ โดยให้ยกฟ้องจำเลยที่ 4 เพียงคนเดียว

               ส่วนชั้นอุทธรณ์ มีการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 58 พิพากษายืนให้ประหารชีวิต จำเลยที่ 1 , 2 , 3 แต่คำให้การของจำเลยที่ 2 มีประโยชน์อยู่บ้าง ศาลอุทธรณ์จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง จึงให้จำคุกจำเลยที่ 2 ไว้ 50 ปี สำหรับจำเลยที่ 4 ที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องนั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้จำคุกไว้ตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 5 - 6 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้จำคุกไว้คนละ 5 ปี ฐานเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญากระทำการในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบฯ ต่อมาโจทก์และจำเลยได้ยื่นฎีกาคดี

 

อ่านรายละเอียด ...."เปิดคำพิพากษาศาลฎีกา"ยกฟ้อง 6 ตร.พ้นผิดฆ่าอำพรางโจ๋

http://www.komchadluek.net/news/crime/347681

 


 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ