รวบหนุ่มเกาหลีเจ้าของเว็บโป๊เด็กหนีคดีซุกไทย

 

               เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 7 ตุลาคม 2561  พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบช.สตม. พร้อมตำรวจสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจท่องเที่ยว ชุด ศปอส.ตร. และตำรวจ สน.ห้วยขวาง นำหมายค้นศาลอาญา ที่ 390/2561 ลงวันที่ 7 ตุลาคม 2561 เข้าตรวจค้นห้องพักคอนโดมิเนียมหรู ถนนพระราม 9 แขวงและเขตห้วยขวาง กทม. หลังจากได้รับการประสานงานข้อมูลจากรัฐบาลประเทศเกาหลีใต้ผ่านสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า มีผู้ต้องหาชาวเกาหลีใต้ มีหมายจับตำรวจสากล ในคดีเป็นแอดมินเว็บไซต์เผยแพร่และครอบครองสื่อลามกเด็กเพื่อการค้า โดยมีสมาชิกเข้าชมกว่า 100 ล้านคน

 

 

 

               ที่เกิดเหตุเป็นคอนโดมิเนียมหรูสูง 43 ชั้น ที่ห้องชั้นที่ 14 ของอาคารดังกล่าว เมื่อไปถึงทางตำรวจพยายามเคาะประตูห้อง จากนั้นมีผู้มาเปิดประตูพบ Mr. Kyoung Hun Yang (นายคอง ฮุน ยัง) อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาชาวเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นเจ้าของเว็บไซต์ แอดมิน ที่เผยแพร่สื่อลามกอนาจาร โดยมีสมาชิกเข้าชมกว่า 100 ล้านคน และอาศัยอยู่กับแฟนสาวชาวไทย จากนั้นได้ทำการตรวจค้นภายในห้องพักพบ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค จำนวน 2 เครื่อง ฮาร์ดดิส ซึ่งมีคลิปลามกอนาจารเป็นจำนวนมาก ซึ่งคลิปบางส่วนได้มาจากการแอบถ่าย บัตรเอทีเอ็มประเทศเกาหลีใต้ พร้อมเครื่องรับรหัส OTP จำนวน 2 บัญชี โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง เงินสด 1,300,000 บาท เงิดสดเกาหลีใต้ 4,000,000 วอน และรถยนต์ จำนวน 1 คัน

               พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลในโน้ตบุ๊คและฮาร์ดดิส พบภาพถ่ายและภาพสื่อลามกอนาจารจำนวนมาก คลิปวิดีโอบางส่วนเป็นคลิปที่นายคอง ฮุน ยัง แอบถ่ายด้วยตนเอง ทั้งนี้ ยอมรับว่าตนเองเป็นแอดมิน เว็บไซต์ http://892bam.com ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเว็บไซต์เป็น https://sexdosi.com ทำหน้าที่อัปโหลดข้อมูลสื่อลามกอนาจารให้สมาชิกรับชม ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกมากกว่า 3 หมื่นคน มีรายได้จากการที่สมาชิกคลิกดูสื่อลามกอนาจารที่อยู่ในเว็บไซต์ประมาณปีละ 3 - 6 ล้านบาท
 

 

 

               อีกทั้งหลบหนีคดี “นำเข้า ส่งออก เผยแพร่สู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลที่มีลักษณะลามก และสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อการค้า” จากประเทศเกาหลีใต้มาที่ประเทศไทย ทั้งนี้ ได้ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรแล้ว หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะนำตัวไปควบคุมที่ห้องกักกันผู้ต้องหา ตม. ทุ่งสองห้อง ส่วนของกลางจะนำส่งตรวจพิสูจน์ว่ามีการกระทำผิดในประเทศไทยหรือไม่ หากไม่พบว่ามีการกระทำผิดในไทย ก็จะผลักดันกลับประเทศต้นทางต่อไป

               ทั้งนี้ มีรายงานข่าวแจ้งว่า ผู้ต้องหารายนี้พักอาศัยที่ห้องแห่งนี้มา 5 เดือน ในราคาเดือนละ 36,000 บาท สำหรับประวัติการเดินทางเข้าออกประเทศไทย ทั้งหมด 45 ครั้ง อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจต้องทำการสืบสวนสอบสวนขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการอีกครั้ง

               พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า หลังจากนี้ 1 เดือน บุคคลที่โอเวอร์สเตย์ จะทำการกวาดล้างทั้งหมด โดยการนำข้อมูลจาก สตม. มาทำการตรวจสอบใหม่ทั้งหมด และจะสแกนทุกพื้นที่ ก่อนจะผลักดันเนรเทศออกนอกประเทศต่อไป ซึ่งบุคคลเหล่านี้ยังไม่ได้มีเพียงรายนี้รายเดียวเท่านั้น ในส่วนการอยู่ต่อได้กำชับไปยังทุกด่านตรวจว่าจะต้องเข้มงวดมากขึ้น ส่วนในการตรวจค้นคอนโดฯ เพื่อตรวจสอบต่างชาติ ต้องแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นการตรวจเอกสารแล้วถูกต้อง อีกส่วนเป็นผู้ที่ไม่มีเอกสาร เบื้องต้น จะทำการตรวจและจับกุมซึ่งหน้า และเมื่อวานนี้มีการเพิกถอนการอยู่อาศัยบุคคลต่างด้าวไป 37 ราย คือ ผู้ที่ไม่อยู่ตามที่พักอาศัยจริง อยู่แล้วติดต่อไม่ได้ หลังจากนี้จะต้องตามตัวทั้ง 37 ราย มาดำเนินคดีก่อนผลักดันออกนอกประเทศต่อไป

 

 

 

               นอกจากนี้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีข้อมูลชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่ในไทยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ซึ่งมีตัวเลขสูงถึง 40,000 - 50,000 ราย ในวันพรุ่งนี้จะมีการเรียกประชุมเพื่อนำข้อมูลมาตรวจสอบว่าปัจจุบันยังมีชาวต่างชาติกลุ่มนี้อยู่มากน้อยเพียงใด จากนั้นจะเร่งกวาดล้างผลักดันออกนอกประเทศให้หมดภายใน 1 เดือน ส่วนชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่ในไทยแบบถูกกฎหมาย จะให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง 1 ทยอยตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารแต่ละราย หากพบว่ามีผู้ใดพักอาศัยไม่ตรงกับข้อมูล หรือไม่สามารถติดต่อได้ ก็จะให้ฝ่ายสืบสวนติดตามตัวมาดำเนินคดี สำหรับตำรวจ ตม. ทุกนาย ได้สั่งกำชับให้ดำเนินการทุกขั้นตอนให้ถูกต้องตามกฎหมาย หากพบว่ามีผู้ใดละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ก็จะเอาผิดทั้งทางวินัยและอาญาให้ถึงที่สุด

               พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า สำหรับในอนาคตจะเสนอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พิจารณาเสนอแก้ไขกฎหมายให้มีบทลงโทษเพิ่ม สำหรับคนไทยที่ให้ความช่วยเหลือชาวต่างชาติในการเช่าห้องพักแทน ให้มีโทษจำคุกเพิ่ม นอกเหนือจากโทษปรับเพียงอย่างเดียว