ข่าว

สาวแสบปลอมเฟซบุ๊กตุ๋นเงินเหยื่อ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"บิ๊กโจ๊ก" นำทีมแถลง สาวแสบปลอมเฟซบุ๊กตุ๋นเงินเหยื่อ พ่วงรวบ 2 ผู้ต้องหาต่างชาติรายสำคัญ

 

          เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 5 ตุลาคม ที่ สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบช.สตม. พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รรท. ผบก.ตม.3 พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รรท. ผบก.จร. พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รรท. ผบก.สส.สตม. พร้อมตำรวจสตม. ตำรวจท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) แถลงข่าวจับกุมตัวผู้ต้องหาแสดงตัวเป็นบุคคลอื่นผ่านเฟซบุ๊กว่าเป็นญาติ เพื่อน หรือบุคคลใกล้ชิดแล้วหลอกลวงยืมเงิน ด้วยวิธีการต่างๆ มีผู้เสียหาย 11 ราย เข้าแจ้งความแล้ว 4 ราย มีความเสียหายกว่า 120,000 บาท

 

          พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตำรวจได้สืบสวนติดตามกลุ่มคนร้ายที่ได้ทำการปลอมเฟซบุ๊กและแอพพลิเคชั่นไลน์ โดยแอบอ้างเป็นบุคคลอื่น เพื่อหลอกลวงผู้เสียหายให้โอนเงิน จากการสืบสวนทราบว่าแผนประทุษกรรมของคนร้ายรายนี้จะสร้างโปรไฟล์เฟซบุ๊กและไลน์เป็นบุคคลอื่น ก่อนจะติดต่อไปยังญาติ เพื่อน คนใกล้ชิดของบุคคลที่ถูกแอบอ้าง เพื่อทำการหลอกลวง โดยอ้างเหตุขอความช่วยเหลือ อาทิ เกิดอุบัติเหตุ มีอาการบาดเจ็บ หรือเหตุอย่างอื่นที่ต้องการใช้เงินอย่างเร่งด่วน จนผู้เสียหายหลงเชื่อคำหลอกลวงดังกล่าว จึงโอนเงินให้คนร้ายด้วยวิธีการโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารที่คนร้ายเป็นผู้กำหนด เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย

 

          จากการสืบสวนกลุ่มคนร้ายดังกล่าวสามารถออกหมายจับและจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 ราย คือ น.ส.แพรรัฐฐา ไกรพรธนาวัฒน์ อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดมีนบุรี ที่ จ.921/2561 ลงวันที่ 2 ตุลาคม 2561 ในพื้นที่ของสน.สายไหม

 

  สาวแสบปลอมเฟซบุ๊กตุ๋นเงินเหยื่อ

 

          น.ส.แพรรัฐฐา รับสารภาพว่า ตนได้เข้าไปสมัครหางานในเพจจัดหางานทางเฟซบุ๊ก และได้มีคนร้ายอีกคนไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด ให้มาเป็นผู้ทำการจัดหาบัญชีมารับเงินของผู้เสียหาย และกดถอนเงินของผู้เสียหาย โดยคนร้ายอีกคนทำหน้าที่สร้างโปรไฟล์เฟซบุ๊ก ไลน์ เป็นบุคคลอื่นเพื่อหลอกลวงผู้เสียหายที่เป็นผู้ใกล้ชิดกับบุคคลที่ถูกแอบอ้างให้หลงเชื่อว่าเกิดเหตุเดือดร้อน ที่จำเป็นต้องใช้เงินเป็นการเร่งด่วน เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินเข้าบัญชีของผู้ต้องหา จากนั้นผู้ต้องหาจึงได้กดถอน เงินออกจากบัญชี และนำเงินไปซื้อทรูมันนี่ตามคำสั่งของคนร้ายผู้ซึ่งทำหน้าที่หลอกลวง โดยได้รับค่าตอบแทนในการทำงานครั้งละ 500 บาท ซึ่งผู้ต้องหารับว่าได้กดถอนเงินของผู้เสียหายมาแล้วประมาณ 30 ครั้ง จากการขยายผลยังพบว่าตั้งแต่ วันที่ 11–15 กันยายน2561 มีผู้เสียหาย จำนวน 11 รายที่ถูกหลอกให้โอนเงิน โดยมีผู้เสียหายจำนวน 4 ราย ได้เข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนสน.สายไหม สน.ภาษีเจริญ สน.ท่าเรือ และสภ.เมืองนครปฐม แล้ว ส่วนอีก 7 ราย ยังไม่ได้เข้าร้องทุกข์กับ พงส. รวมความเสียหายทั้งสิ้น (5 วัน) 128,500 บาท

 

          เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะสืบสวนขยายผล เพื่อจับกุมคนร้ายรายอื่นต่อไป

 

สาวแสบปลอมเฟซบุ๊กตุ๋นเงินเหยื่อ

 

          นอกจากนี้ยังมีคดีที่น่าสนใจอีก 2 คดี คือจับหนุ่มอเมริกันและรัสเซียหนีคดียาเสพติด

 

          คดีแรกกองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้รับการประสานจาก สำนักงานรักษาความมั่นคงทางสถานทูต สอท.สหรัฐอเมริกา กรณีแจ้งข้อมูลและขอความร่วมมือในการเฝ้าระวังและควบคุมตัว นายลอเรนซ์ ริคาโด้ บาร์ด (Mr.Lawrence Ricado BYRD II) อายุ 35 ปี สัญชาติอเมริกัน เนื่องจากเป็นบุคคล ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติดรายใหญ่ในรัฐจอร์เจีย ซึ่งมีข้อมูลว่าน่าจะหลบหนีเข้ามาในประเทศไทย

 

          นายลอเรนซ์ เป็นตัวการรายใหญ่ในการลักลอบจำหน่ายกัญชา และยาเสพติดอื่นๆ ในรัฐจอร์เจีย ซึ่งมีเครือข่ายใหญ่ในกลุ่มชาวแอฟริกันอเมริกัน ซึ่งศาลรัฐจอร์เจียได้ออกหมายจับ เลขที่ 201601025 ลง 28 เมษายน 2559 ต่อมาถูกจับกุมได้เมื่อช่วงเดือน เมษายน 2559 จากนั้นได้รับการประกันตัวจึงได้หลบหนีออกนอกประเทศ มาหลบซ่อนตัวในประเทศไทย โดยเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา ศาลรัฐจอร์เจียจึงได้ออกหมายจับนายลอเรนซ์ ในความผิดเกี่ยวกับการหลบหนีการประกันตัว

 

          จากการตรวจสอบพบว่า นายลอเรนซ์ ได้แฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยวเข้ามาหลบซ่อนตัวในประเทศไทยตั้งแต่เมื่อช่วงเดือน สิงหาคม 2559 ซึ่งได้มีการเข้า-ออกประเทศไทยจำนวนหลายครั้ง โดยไม่ได้มีการขออยู่ต่อในราชอาณาจักรแต่อย่างใด ซึ่งครั้งล่าสุดนายลอเรนซ์ ได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมาทางสนามบินสุวรรณภูมิ โดยได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2561 ซึ่งปัจจุบันนายลอเรนซ์ได้อยู่ในราชอาณาจักรเกินกำหนดที่ได้รับอนุญาตแล้ว จำนวน 141 วัน ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้สืบสวนติดตามตัวนายลอเรนซ์ จนทราบว่าหลบซ่อนตัวอยู่ในห้องพักย่านซอยซอยสุขุมวิท 38 แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพ จึงเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณดังกล่าว จนสามารถจับกุมตัวนายลอเรนซ์ได้

 

          คดีที่ 2 ตม.จว.ชลบุรี ได้ออกสืบสวนติดตามตัว นายวิทาลี่ โทรฟิมอฟ (Vitalii Trofimov) อายุ 38 ปี สัญชาติรัสเซีย ซึ่งอาศัยอยู่ในประเทศไทยด้วยวีซ่าประกอบธุรกิจ โดยได้รับการประสานจากสถานเอกอัครราชทูตสหพันธรัฐรัสเซียประจำประเทศไทย แจ้งให้ทราบว่า นายวิทาลี่ เป็นบุคคลซึ่งมีหมายจับของประเทศรัสเซีย ในความผิดเกี่ยวกับการค้ายาเสพติด โดยมีการประกาศสืบจับด้วยหมายแดงของตำรวจสากล (INTERPOL Red Notice) ที่ A-8236/8-2018 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2561 ที่ผ่านมา ข้อมูลการอยู่ในราชอาณาจักรของนายวิทาลี่ โทรฟิมอฟ (Vitalii Trofimov) พักอาศัยอยู่ในพื้นที่พัทยาโดยอาศัยวีซ่าประกอบธุรกิจนำเข้า-ส่งออก สินค้าอุปโภคบริโภค ในนามบริษัท “ฟิลเดล ”จำกัด มีการเดินทางเข้า-ออก ราชอาณาจักรแต่ปี 56 ถึงปัจจุบัน รวม 17 ครั้ง เริ่มยื่นขออยู่ต่อประเภทธุรกิจกับ ตม.จว.ชลบุรีเมื่อปลายปี 2558เป็นต้นมา ต่อมาเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2561 เวลาประมาณ 10.00 น. ชุดสืบสวน ตม.จว.ชลบุรี ออกสืบสวนหาตัว กระทั่งพบตัวที่บ้านเลขที่ 57/36 หมู่บ้านบาลีน่า 2 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จึงได้เข้าไปแสดงหมายแดง (INTERPOL Red Notice) ให้ นายวิทาลี่ โทรฟิมอฟ (Vitalii Trofimov) ทราบว่าถูกทางการรัสเซียออกหมายจับ และถูกยกเลิกหนังสือเดินทางทำให้เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้เข้ามาในราชอาณาจักรไทย จากนั้นจึงได้ควบคุมตัวไว้เพื่อเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร และผลักดันกลับไปยังประเทศรัสเซียต่อไป

 

          พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อไปว่า กรณีชาวต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยจะต้องยื่นเรื่องขอจดทะเบียนการค้าต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ หากมีเอกสารทุกอย่างครบก็จะสามารถจดทะเบียนได้ ซึ่งเป็นช่องว่างของคนร้ายเพราะการตรวจสอบแยกส่วนกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ที่จะมีหน้าที่เพียงการตรวจการเข้าออกประเทศเท่านั้น ซึ่งหากบุคคลใดมีหมายจับก็จะพบได้ทันที่ แต่ส่วนใหญ่จะแฝงเข้ามาในรูปแบบนักท่องเที่ยว ซึ่งหลังจากนี้ก็จะมีการทำงานร่วมกันเพื่อให้สามารถตรวจสอบคนร้ายที่หลบหนีเข้ามาอยู่ในประเทศไทยได้.

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ