ข่าว

ซุ่มจับสาวใหญ่ตระเวนล้วงกระเป๋าตามห้างดัง !!

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ตำรวจแฝงตัวในห้างดังซุ่มตะครุบสาวใหญ่ก่อเหตุล้วงกระเป๋า พบประวัติทำมามากกว่า 150 ครั้ง เผยเลือกเหยื่อเฉพาะผู้หญิง

 

             เมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2561 พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น.ได้รับรายงานจาก พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า ผบก.น.8 ว่า พ.ต.อ.ภูมิยศ เหล็กกล้า ผกก.สน.บุปผาราราม พร้อมกำลังตำรวจ ฝ่ายสืบสวน สน.บุปผาราม ร่วมกันจับกุมตัว นางอรวรรณ พรหมบุตร หรือ “เปิ้ล” อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงธนบุรี เลขที่ จ.409/2561 ลงวันที่ 26 ก.ย.61 ข้อหา “ลักทรัพย์” พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือที่ได้จากการลักทรัพย์ จำนวน 1 เครื่อง โดยจับกุมตัวได้ขณะเดินทางมาดูลาดเลาเพื่อก่อเหตุฉกทรัพย์สินในกระเป๋าลูกค้าที่มาเดินช็อปปิ้งในห้างบิ๊กซี สาขาอิสรภาพ ถนนอิสรภาพ แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี กทม.

             สืบเนื่องจากตั้งแต่ช่วงกลางเดือน ก.ค.60 จนถึงวันที่ 11 ก.ย.61 ที่ผ่านมา พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น.ได้รับรายงานจาก พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา ผบก.น.7 พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า ผบก.น.8 และ พล.ต.ต.กัมปนาท โสภโณดร ผบก.น.9 ว่า มีเหตุคนร้ายเป็นหญิงอายุประมาณ 40-45 ปี ผิวดำแดง รูปร่างท้วม ตระเวนก่อเหตุลักทรัพย์ในกระเป๋าสะพายของเหยื่อ ส่วนใหญ่เป็นสุภาพสตรีที่เดินจับจ่ายใช้สอยเลือกซื้อสินค้าอยู่ในห้างชื่อดังหลายแห่ง ในย่านถนนอิสรภาพ ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน ถนนบรมราชชนนี ถนนเอกชัย และถนนเพชรเกษม เฉลี่ยแล้วเดือนละประมาณ 10-16 คดี รวมเป็นระยะเวลา 14 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งลงมือไปแล้วไม่ต่ำกว่า 150 ครั้ง โดยแต่ละครั้งคนร้ายจะได้ทรัพย์สินเป็นโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหาย เงินสดตั้งแต่ 100 บาท ถึง 7,000 บาท มูลค่าความเสียหายรวมกันหลายแสนบาท ดังนั้น ทางผบช.น.จึงสั่งการให้ฝ่ายสืบสวนทุกโรงพักเร่งดำเนินการจับกุมตัวคนร้ายรายนี้ให้ได้อย่างเร่งด่วน เนื่องจากเป็นภัยสังคมส่งผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก

 

 

ซุ่มจับสาวใหญ่ตระเวนล้วงกระเป๋าตามห้างดัง !!

 

 

             กระทั่งวันนี้ขณะที่ พ.ต.ท.อุดมพล เอื้อศิลามงคล รอง ผกก.สส.สน.บุปผาราม และ พ.ต.ต.สมมาตร วงษ์ดี สว.สส.สน.บุปผาราม นำกำลังแฝงตัวไปดักซุ่มป้องกันเหตุลักทรัพย์ที่อาจเกิดขึ้นในห้างบิ๊กซี สาขาอิสรภาพ ในช่วงที่คนกำลังพลุกพล่าน ปรากฏพบ นางอรวรรณ ผู้ต้องหารายนี้ซึ่งมีรูปพรรณตรงกับภาพในกล้องวงจรปิดคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุทุกครั้งที่ผ่านมา โดย นางอรวรรณ พยายามเดินประกบด้อมๆ มองๆ รอจังหวะเหยื่อหญิงรายหนึ่งซึ่งวางกระเป๋าสะพายไว้ในรถเข็นขณะกำลังเลือกซื้อของ เพื่อรอจังหวะเหยื่อเผลอและลงมือฉกทรัพย์สิน เมื่อเห็นพฤติกรรมดังนั้นเจ้าพนักงานชุดจับกุมจึงแสดงตัวเข้าจับกุม ก่อนควบคุมตัวนางอรวรรณ ไปสอบปากคำที่ สน.บุปผาราม

             จากการสอบสวน นางอรวรรณ ให้การยอมรับสารภาพทั้งน้ำตาว่า เคยทำงานเป็นลูกจ้างร้านอาหารตามสั่ง แต่ตกงานมาได้ราว 2 ปี เมื่อเดือน ก.ค.60 เคยถูกตำรวจ สน.บางยี่ขัน จับกุมเพราะไปลักทรัพย์ในกระเป๋าสะพายผู้เสียหายที่เดินช็อปปิ้งในห้างสรรพสินค้าโลตัส สาขาปิ่นเกล้า มาแล้ว โดยคดีนั้นศาลตัดสินให้รอลงอาญา และคุมประพฤติตนเป็นเวลา 1 ปี เพิ่งรายงานตัวครั้งสุดท้ายไปเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา โดยสาเหตุที่ตนต้องตระเวนก่อเหตุลักทรัพย์แบบนี้นั้น เนื่องจากตอนนี้อายุเริ่มมาก จบการศึกษาแค่ ป.6 ไม่มีใครรับเข้าทำงาน ประกอบกับติดหนี้เงินนอกระบบ จำนวน 40,000 บาท ต้องส่งดอกเบี้ยทุก 15 วัน งวดละ 3,000 - 4,000 บาท อีกทั้งยังมีภาระต้องส่งเสียเลี้ยงดูมารดา ที่อาศัยลำพังที่ จ.ชลบุรี กับส่งเงินค่าเลี้ยงดูลูกๆ ทั้งชายและหญิง อายุระหว่าง 1 ขวบ 3 เดือน - 24 ปี จำนวน 5 คน ที่เกิดจากสามีทั้งเก่าและใหม่ของตนเอง

 

 

ซุ่มจับสาวใหญ่ตระเวนล้วงกระเป๋าตามห้างดัง !!

 

 

 

 

             นางอรวรรณ ให้การรับสารภาพต่อไปว่า ตนพักอาศัยอยู่แถวบ้านย่านกระทุ่มแบน แต่ไม่เคยก่อเหตุในละแวกใกล้บ้านพัก จึงบินเดี่ยวตระเวนนั่งรถประจำทางเข้ามาในพื้นที่กรุงเทพฯ ไปลงตามห้างบิ๊กซี และโลตัส สาขาต่างๆ แล้วทำทีแฝงตัวเข้าไปลักทรัพย์ภายในกระเป๋าสะพายของลูกค้าที่เดินเลือกซื้อของแล้วเผลอวางเอาไว้ในรถเข็น โดยจะเลือกเหยื่อที่ไม่รูดซิปกระเป๋าสะพายเพื่อความง่ายในการลงมือ ก่อเหตุสัปดาห์ละ 3-4 ราย เคยได้ทรัพย์สินเป็นเงินสดสูงสุด 7,000 บาท หากได้โทรศัพท์มือถือก็จะถอดซิมการ์ด นำไปขายขาดหรือจำนำตามร้านรับซื้อโทรศัพท์มือสองในย่านถนนพุทธมณฑลสาย 4 ซึ่งตนจะอ้างกับเจ้าของร้านว่า เป็นโทรศัพท์ที่ตนได้รับจำนำมาจากลูกค้าตามบ่อนการพนันแล้วปล่อยขาดไม่ยอมมาไถ่คืนอีกที

             ด้าน พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลที่ได้จากกล้องวงจรปิดพบตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ.-11 ก.ย.ที่ผ่านมา นางอรวรรณ เคยลงมือก่อเหตุในห้างบิ๊กซี สาขาอิสรภาพ สำเร็จไปแล้ว 5 ครั้ง ได้ทรัพย์สินทั้งโทรศัพท์มือถือและเงินสดมูลค่าหลายหมื่นบาท มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนเป็นที่เรียบร้อย ส่วนท้องที่อื่นๆ ตามคำรับสารภาพจะเร่งตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง โดยหลังจากนี้ทาง พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น.ได้สั่งการให้ดำเนินคดีกับ นางอรวรรณ อย่างถึงที่สุดเพื่อให้หลาบจำ และเร่งประสานพนักงานสอบสวนท้องที่อื่นๆ ทั้ง บก.น.7 บก.น.8 และ บก.น.9 พาผู้เสียหายทั้งในส่วนที่แจ้งความแล้ว และเพิ่งทราบข่าวเข้ามาแจ้งความในภายหลัง ทำการอายัดตัว นางอรวรรณ แจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อไป

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ