"พล.ต.ต.สุรเชษฐ์" พร้อมอธิบดีกรมการค้าภายใน โชว์จับบริษัทฯโกงตาชั่งรถบรรทุกขนเหล็ก พบเหยื่อเสียหายกว่า 157 ล้านบาท
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 24 กันยายน 2561 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. พร้อมด้วย นายฉัตรชัย ศักดิ์ศิลปชัย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน แถลงการดำเนินคดีกับบริษัท กลุ่มนิติบุคคล ที่โกงน้ำหนักรถบรรทุก ด้วยเครื่องปรับน้ำหนักตาชั่ง แบบรีโมตคอนโทรล โดยมีผู้กระทำความผิด จำนวน 3 กลุ่ม คือ 1.บริษัท ฮาร์ดโก้ เมทัล(ประเทศไทย) จำกัด 2.กลุ่มพนักงานบริษัท ฮาร์ดโก้ เมทัล(ประเทศไทย) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการชั่งน้ำหนัก จำนวน 17 คน และ 3.กลุ่มพนักงานคนขับรถบรรทุกและเจ้าของรถบรรทุก จำนวน 6 คน หลังมีพฤติการณ์โกงน้ำหนักรถบรรทุกด้วยเครื่องปรับน้ำหนักตาชั่ง แบบรีโมตคอนโทรลในการซื้อขายเศษเหล็ก ขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกว่า 20 ราย ส่วนที่เหลืออีก 4 ราย อยู่ระหว่างติดตามจับกุม โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ระดับสูงของบริษัทฯที่คิดโปรแกรมชั่ง ซึ่งกรณีนี้สร้าง มูลค่าความเสียหาย 157 ล้านบาท
รอง ผบช.ทท. กล่าวว่า สำหรับการดำเนินคดีดังกล่าว สืบเนื่องจากศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) ได้รับเรื่องร้องเรียนจาก บริษัท จี สติล จำกัด(มหาชน) ซึ่งเป็นผู้เสียหายว่า ได้จ้างให้บริษัทฮาร์ดโก้ เมทัล(ประเทศไทย) จำกัด เข้ามาดูแลจัดการในส่วนของเครื่องชั่งน้ำหนักรถบรรทุกขาเข้าและขาออก โดยพบความผิดปกติของรถบรรทุก 2 คัน จึงขอชั่งซ้ำ แต่รถบรรทุกได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการสืบสวนจึงพบว่ามีขบวนการโกงน้ำหนักจริง โดยใช้รถบรรทุกเข้ามาโกงตาชั่ง ทั้งนี้จากการสืบสวนทราบว่า มีกลุ่มคนของบริษัทฮาร์ดโก้ ที่มีหน้าที่รับผิดชอบบริเวณเครื่องชั่งน้ำหนัก ได้ร่วมมือกับผู้ค้าเศษเหล็ก โดยขบวนการดังกล่าวมีการจัดทำระบบรีโมตคุมน้ำหนักของตาชั่ง เพื่อโกงน้ำหนักเศษเหล็กที่นำเข้า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 ถึงวันที่ 14 สิงหาคม 2560 จึงเกิดความเสียหายรวมทั้งสิ้นเป็นเศษเหล็กจำนวน 4,248 ตัน มูลค่ากว่า 157 ล้านบาท ทำให้บริษัทจี สติล จำกัดได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังพบว่ามีการเตรียมตัวในการโกง มีการใช้บัตรประชาชนปลอม ทำเอกสารปลอมกับร้านค้าเศษเหล็ก การโกงตาชั่งแต่ละครั้งสามารถโกงน้ำหนักได้ครั้งละ 6 ตัน สำหรับรถบรรทุก 10 ล้อ แต่รถพ่วงโกงได้ครั้ง 12 ตัน การโกงน้ำหนักตาชั่งอย่างแยบยลของคนกลุ่มนี้ได้กระทำมาเป็นระยะเวลานาน โดยทำเป็นขบวนการ หลังจากนี้จะมีการตรวจสอบว่าบริษัทดังกล่าวรับทำระบบชั่งให้กับใครบ้าง เบื้องต้นได้ดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันกระทำการใดๆ เพื่อให้เครื่องชั่งตวงวัดที่มีการให้คำรับรอง แสดงน้ำหนัก ปริมาตร ปริมาณ หรือหน่วยใดๆ ผิดไปจากการที่ได้รับการตรวจสอบความเที่ยงกับแบบมาตรา เกินอัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด , ร่วมกันแก้ไขหรือดัดแปลงส่วนประกอบของเครื่องชั่งตวงวัด หรือโปรแกรมที่ใช้กับเครื่องชั่งตวงวัด โดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์ หรือระบบอื่นที่คล้ายคลึงกันหรือกระทำด้วยวิธีการใดๆ เพื่อให้ความเที่ยงของเครื่องชั่งตวงวัดผิดเกินอัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด และข้อหาร่วมกันฉ้อโกง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง