ซิ่งเก๋งทับร่างหนุ่ม จยย.ล้มบาดเจ็บกลางถนนมอบตัว

 

               จากกรณีสมาชิกเฟซบุ๊ก โอเล่ สมภพ อบเชย ได้นำภาพเหตุการณ์ที่เกิดกับพี่ชาย หลังจากรถจักรยานยนต์ประสบอุบัติเหตุชนท้ายรถเก๋ง ที่กำลังจะรอเลี้ยวขวาเข้าซอยสุขาภาบาล 5 ซอย 66 แขวงออเงิน เขตสายไหม กทม. ทำให้พี่ชายตนที่ขับขี่รถจักรยานยนต์กระเด็นไถลไปกับพื้นถนนได้รับบาดเจ็บ อยู่กลางถนน

 

 

 

               ระหว่างที่ผู้ขับรถยนต์ที่ถูกชนท้ายกำลังลงไปให้การช่วยเหลือ ได้มีรถคันหนึ่งขับมาจากฝั่งตรงข้ามไม่ได้ชะลอความเร็ว จากนั้นได้ทับเข้าที่ร่างของพี่ชาย และลากไปไกลร่วมกิโล ผู้โพสต์ระบุว่า "ผมจะตามหาคุณให้เจอ ไม่ว่าคุณจะอยู่ไหน ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ดูสภาพพี่ชายผมตอนนี้ ผมอยากรู้คุณชนคนไม่คิดจะจอดดูเลยไง ชนแล้วลากพี่ผมไปเป็นกิโล ไม่ยอมจอด ขับหนีไปเหมือนไม่มีไรเกิดขึ้น ทำได้ไง เดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกันครับ" ซึ่งเหตุการดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 02.15 น. วันที่ 26 ส.ค. ที่ผ่านมา บนถนนสุขาภิบาล 5 ด้านขาออกมุ่งหน้าห้าแยกวัชรพล ส่วนผู้บาดเจ็บคือ นายปิยรัตน์ อบเชย อายุ 35 ปี พนักงานบริษัท ขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่ รพ.สินแพทย์

               ความคืบหน้าเมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 30 ส.ค. นายมนู แสงโพธิ์แก้ว อายุ 43 ปี เดินทางเข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.ทนงศิลป์ มณีโชติ ผกก.สน.สายไหม พร้อมนำรถยนต์ มิตซูบิชิ แลนเซอร์ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ญธ 4861 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถที่ขับในวันเกิดเหตุมามอบให้พนักงานสอบสวน

               นายมนู กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนมาทำธุระย่านสายไหม เมื่อเสร็จธุระและกำลังจะเดินทางกลับบ้านย่านบางบัวทอง โดยเปิดจีพีเอส ซึ่งจีพีเอสได้นำทางมาเส้นทางดังกล่าว เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุตนรู้ตัวว่าชนอะไรบางอย่างแต่ไม่ทราบว่าเป็นคน หลังจากนั้นได้ขับรถกลับบ้านพัก จนกระทั่งแฟนถามว่ารถไปโดนอะไรมา ประกอบกับเห็นภาพข่าว ตนจึงตัดสินใจเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน และยอมรับผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น

 

 

 

               เบื้องต้น เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายสาหัส แล้วหลบหนีไม่หยุดช่วยเหลือตามสมควรและไม่แสดงตัวต่อเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียง ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.สายไหม ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

               ต่อมาเวลา 22.30 น. นายมนู กล่าวว่า วันนี้เดินทางมามอบตัวและให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ในคืนที่เกิดเหตุตนเห็นกลุ่มคนยืนอยู่ และมีรถยนต์สีดำเปิดไฟสูง ตนจึงกลัวคิดว่าอาจจะเป็นมิจฉาชีพ จึงพยายามขับรถผ่านไปแล้วรู้สึกว่าชนอะไรบางอย่างเข้า แต่ตนไม่แน่ใจจึงขับต่อไป อย่างไรก็ตาม พรุ่งนี้จะเดินทางไปเยี่ยมคนเจ็บที่โรงพยาบาล และไปที่ศาลเพื่อดำเนินการเรื่องประกันตัวที่ศาลจังหวัดมีนบุรี

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายมนูให้ปากคำเสร็จได้เดินเข้าไปขอโทษทางญาติของคนเจ็บ ก่อนจะขึ้นรถกลับไป