คุมตัวหนุ่มจี้ชิงทรัพย์ ธ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ทำแผน

 

          17 ส.ค. 61 - จากกรณีที่มีคนร้ายเป็นชายวัยกลางคนก่อเหตุชิงทรัพย์ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ภายในห้างสรรพสินค้าโฮมโปร สาขาพระราม 3 ถนนพระราม 3 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กทม. ได้เงินสดไป 510,000 บาท ก่อนวิ่งไปขึ้นรถจยย.ฮอนด้า สกู๊ปปี้ไอ สีขาว ไม่ทราบทะเบียน ขับหลบหนีมุ่งหน้าไปทางคลองเตยอย่างรวดเร็ว นั้น

 

          ต่อมาเมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 17 สิงหาคม ที่สน.วัดพระยาไกร พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น. พล.ต.ต.มนตรี ยิ้มแย้ม รองผบช.น. พล.ต.ต.นิตินันท์ เพชรบรม รอง ผบช.น. พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.อิสเรศ ปาลาพงศ์ ผกก.สส.3 บก.สส.3 บก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ปนาถพล ปุณศรี ผกก.สส.บก.น.5 พ.ต.อ.โฆษิต บุญทวี ผกก.สน.วัดพระยาไกร และตำรวจฝ่ายสืบสวนสน.วัดพระยาไกร ร่วมกันแถลงผลการจับกุมนายบัญชา หรือเอ้ เหมือนช้าง อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 257/4 ซ.วัดจันทร์ใน แขวงและเขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ เลขที่ จ.509/2561 ลงวันที่ 17 สิงหาคม 2561 ในข้อหาชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม พร้อมของกลางธนบัตร ฉบับละ 1,000 บาท 290 ฉบับ มูลค่า 290,000 บาท สร้อยคอทองคำรูปพรรณ 2 เส้น แหวนทองคำ 1 วง รถจยย.ที่ซื้อหลังก่อเหตุยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นเอ็นแม็ก สีเทา จำนวน 1 คัน รถจยย.ที่ใช้ก่อเหตุยี่ห้อฮอนด้า รุ่นสกู๊ปปี้ไอสีฟ้า-ขาว จำนวน 1 คน โดยสามารถจับกุมได้ที่โรงแรม39 อินน์ ซ.สุขสวัสดิ์ 39 ต.บางพึ่ง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ

 

 

          พล.ต.ท.ชาญเทพ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุคนร้ายบุกชิงเงินสดจากพนักงานธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ภายในห้างสรรพสินค้าโฮมโปร สาขาพระราม 3 ถนนพระราม 3 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กทม. ได้เงินสดไป 510,000 บาท และขับรถจยย.หลบหนีไป จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่จนทราบว่าคนร้ายคือนายบัญชา หรือเอ้ เหมือนช้าง อายุ 32 ปี จึงรวบรวมพยานหลักฐานกระทั่งศาลอาญากรุงเทพใต้ออกหมายจับ จึงได้สืบสวนต่อจนทราบว่าคนร้ายหลบหนีไปอยู่ในพื้นที่ ต.บางพึ่ง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ไปตรวจสอบจนพบตัวผู้ต้องหาจึงแสดงตัวเข้าจับกุม ขณะจับกุมตรวจพบยาบ้า 2 เม็ด และยาไอซ์จำนวนหนึ่ง ตรวจสอบประวัติพบเคยถูกจับกุมในคดีเสพยาเสพติด

 

 

          นอกจากนี้ยังได้ตรวจสอบว่ามีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ซึ่งจากการตรวจสอบไม่พบว่ามีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องแต่อย่างใด หลังก่อเหตุนายบัญชาได้นำเงินไปซื้อทรัพย์สิน เช่น รถจยย. สร้อยคอทองคำ แหวนทองคำ และนำเงินไปไถ่โทรศัพท์มือถือ สำหรับอาวุธปืนนั้นจากการสอบถามผู้ต้องหาให้การว่าไม่มีการใช้อาวุธปืนในวันก่อเหตุแต่อย่างใด มีเพียงกระดาษข้อความที่ใช้ขู่เท่านั้น

 

          นายบัญชา ยอมรับว่า ตนประกอบอาชีพขับรถจักรยานยนต์รับจ้างในพื้นที่ สน.วัดพระยาไกร โดยได้ก่อเหตุจริง สาเหตุเพราะมีปัญหาเรื่องเงินต้องการนำเงินไปใช้จ่ายส่วนตัว ทั้งนี้ได้ใช้เวลาในการเตรียมการประมาณ 1 สัปดาห์ โดยวันเกิดเหตุได้ขับขี่รถจยย.หลบหนีกลับบ้านพัก ภายใน ซ.วัดจันทร์ใน แขวงและเขตบางคอแหลม เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ และได้นำเงินสดที่ได้มาไปซื้อทรัพย์สินเป็นทองคำรูปพรรณหลายรายการ และรถจยย. รวมถึงทรัพย์สินอื่นๆ ก่อนจะหลบหนีไปเช่าโรงแรม 39 อินน์พักอยู่

 

 

          ต่อมาเวลา 16.30 น. พนักงานสอบสวนสน.วัดพระยาไกรได้ควบคุมตัวนายบัญชา หรือเอ้ เหมือนช้าง มาชี้จุดประกอบคำรับสารภาพที่ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ภายในห้างสรรพสินค้าโฮมโปร สาขาพระราม 3 ถนนพระราม 3 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กทม. โดยจุดแรกบริเวณริมถนนด้านห้าง ซึ่งเป็นจุดที่คนร้ายนำรถมาทิ้งไว้ 2.บริเวณด้านข้างห้างเป็นจุดที่คนร้ายมายืนคิดว่าจะเข้าก่อเหตุ 3.จุดนั่งพักด้านหน้าประตูทางเข้า ซึ่งเป็นจุดที่คนร้ายสูบบุหรี่ 4.ภายในธนาคารที่คนร้ายเข้าไปยื่นกระดาษพร้อมข้อความให้ส่งเงินจำนวน 5 แสนบาทให้พนักงานธนาคาร 5.จุดที่คนร้ายขึ้นรถจยย.ขับหลบหนีไป และ 6.เส้นทางที่คนร้ายใช้ในการหลบหนี

 

          ทั้งนี้นายบัญชาให้การรับสารภาพ เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสน.วัดพระยาไกร ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

          รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะที่มีการแถลงข่าวมีชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในชุมชนเดียวกับนายบัญชา เปิดเผยว่า ปกติแล้วนายบัญชา เป็นคนนิสัยดีโตมาย่านนี้ตั้งแต่เด็ก และทำอาชีพขับจยย.วินย่านเจริญกรุง มีภรรยาอยู่กินด้วยกัน 1 คน และมีลูกวัยประมาณ 10 ขวบด้วยกัน 2 คน แต่ภายหลังได้เลิกรากันไปแล้ว ทำให้นายบัญชาพักอาศัยอยู่เพียงคนเดียว สำหรับสาเหตุการก่อเหตุตนคิดว่านายบัญชาคงจะมีปัญหาด้านการเงิน อีกทั้งพ่อของนายบัญชายังมีอาการป่วยพักรักษาตัวอยู่ที่รพ. โดยมีแม่ของนายบัญชาดูแลอาการอยู่ และนายบัญชาต้องทำงานคนเดียวเงินอาจไม่เพียงพอต่อการรักษาพ่อและใช้จ่ายในชีวิตประจำวันจึงก่อเหตุดังกล่าว.