ข่าว

"พี่สาวบูม"โล่งศาลให้ประกัน 2 ล้าน!!!

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"พี่สาวบูม"โล่งศาลให้ประกัน 2 ล้านหลังกองปราบฝากขังครั้งแรกร่วมน้องชายฟอกเงินบิตคอยน์กว่า 700 ล้านขณะที่ศาลกำหนดเงื่อนไขเหมือนน้องชาย ห้ามออกนอกประเทศ

 

          15 สิงหาคม 2561 ทนายหอบเงินสดพี่สาวบูม" โล่ง ศาลให้ประกัน 2 ล้านทนายหอบเงินสดยื่นประกัน กองปราบฝากขังครั้งแรกร่วมน้องชายดาราดาวรุ่ง ฟอกเงินบิตคอยน์กว่า 700 ล้าน ขณะที่ศาลกำหนดเงื่อนไขเหมือนน้องชาย ห้ามออกนอกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาลด้วย  

 

 

 

          ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก  พ.ต.ท.กำธร นิยม พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ได้ควบคุมตัว "น.ส.สุพิชฌาย์ จารวิจิต" อายุ 27 ปีเศษ ชาวชลบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1695/2561 ลงวันที่ 26 ก.ค.61 คดีร่วมกันฟอกเงิน ที่หลอกลงทุนเงินสกุลดิจิตอล (บิตคอยน์) มูลค่ากว่า 700 ล้านบาท ซึ่งเป็นพี่สาวของนายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต หรือบูม นักแสดงซีรีย์วัยรุ่นดาวรุ่ง ผู้ต้องหาคดีเดียวกัน มายื่นคำร้องขอฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 15-26 ส.ค.นี้ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมอีก 10 ปาก และรอเอกสารทางการเงินของพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง กับรอผลการตรวจสอบประวัติลายพิมพ์นิ้วมือ จาก สตช. โดยท้ายคำร้องพนักงานสอบสวน ก็ขอคัดค้านการให้ประกันตัวผู้ต้องหาด้วย เนื่องจากเกรงว่าจะหลบหนี และเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน

 

            โดยคำร้องฝากขังระบุว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ช่วงเวลา 09.00 น.เจ้าหน้าที่จับกุมตัวผู้ต้องหาได้ ซึ่งรับว่าเป็นบุคคลเดียวกับหมายจับ ต่อมาพนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้รับตัวผู้ต้องหาไว้ควบคุมวันเดียวกันนี้ เมื่อเวลา 14.00 น. ซึ่งพฤติการณ์กลุ่มผู้ต้องหานั้นสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา นายอาร์นี ออตตาวา ซาอ์ริมาอ์ (Mr. aarni Otava Saarimaa) ชาวฟินแลนด์ ซึ่งประกอบธุรกิจซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิตอล ผู้เสียหายได้ประสานเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับ นายปริญญา จารวิจิต พี่ชายของผู้ต้องหา กับพวก        

 

          กรณีที่ได้ร่วมกันหลอกลวงเอาเงินของนายอาร์นีไปโดยทุจริต จำนวน 797,408,454.33 บาท โดยกลุ่มของพี่ชายผู้ต้องหา ได้หลอกลวงผู้เสียหายตั้งแต่ต้นเดือน มิ.ย.60 ชักชวนให้ มาร่วมลงทุนซื้อหุ้นบริษัทเอ็กซ์เปย์ ซอร์ฟแวร์ จำกัด โดยให้โอนเหรียญบิตคอยน์ ไปยังกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E- Wallet) จำนวน 1,259.13 เหรียญบิต เป็นเงินมูลค่า 92,692,200 บาท , ลงทุนซื้อสกุลเงินดิจิตอล (dragon coin หรือ DRG) อีกป็นเงิน 400 ล้านดอลล่าร์ฮ่องกง

 

           โดยโอนเงินบิตคอยน์เข้ากระเป๋าเงิน E- Wallet ของนายปริญญากับพวก รวม 2,958.75948993 เหรียญบิต คิดเป็นมูลค่าเสียหาย 440,007,281.33 บาท และการซื้อหุ้นของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ประเทศไทยอีกด้วย จำนวน 1,355.55701963 เหรียญบิต คิดเป็นมูลค่า 264,780,973 บาท แต่หลังจากนั้น นายปริญญาพี่ชายผู้ต้องหากับพวกได้นำเหรียญบิตคอยที่ได้รับโอนมาจากผู้เสียหาย ทยอยขายออกไปแล้วถอนเงินออกจากกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ไปเข้าบัญชีธนาคารพาณิชย์ของกลุ่มพี่ชายผู้ต้องหารวม 7 ราย

 

            ซึ่งพนักงานสอบสวนมีหนังสือรายงานความผิดมูลฐาน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ไปยังเลขาธิการสำนักงาน ปปง. ขอให้ตรวจสอบพิเคราะห์ข้อมูลธุรกรรมทางการเงินของกลุ่มผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องเนื่องจากมีเหตุอันควรเชื่อว่ามีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน กระทั่ง ปปง. สรุปรายงานแจ้งว่านายปริญญา พี่ชายของผู้ต้องหา , นายจิรัชพิสิษฐ์ ผู้ต้องหาอีกรายซึ่งเป็นน้องชาย และตัวผู้ต้องหานี้ได้รับเงินจากการกระทำความผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ"

 

           ซึ่งเป็นความผิดมูลฐาน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ ซึ่งกลุ่มผู้ต้องหาได้โอนเงินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผดไปมาระหว่างกันหลายครั้ง แล้วนำเงินไปเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มา หรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นฯ ในการทำผิด ซึ่งนายปริญญา พี่ชายของผู้ต้องหา และผู้ต้องหา ได้นำเงินนั้นไปจดทะเบียนซื้อฝาก-ขายที่ดินรวม 14 แปลง มูลค่ากว่า 176,220,000 บาท เหตุเกิดที่แขวง ถ.เพชรบุรี เขตราชเทวี กทม. , แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน , แขวงจอมพล เขตจตุจักร , แขวง-เขตห้วยขวาง กทม. , จ.นนทบุรี , จ.ชลบุรี

 

         โดยชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

 

         ภายหลังศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้

 

          ขณะที่ทนายความของ "น.ส.สุพิชฌาย์" ผู้ต้องหา ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 2 ล้านบาท ขอปล่อยชั่วคราวชั้นฝากขังนี้

 

          กระทั่งเวลา 16.00 น. เศษ ศาลพิจารณาคำร้องขอประกันตัวดังกล่าว ก็อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาไประหว่างการฝากขัง พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล

 

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  สำหรับนายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต หรือบูม ซึ่งเป็นผู้ต้องหาอีกรายนั้น พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ก็ได้ยื่นฝากขังครั้งแรกไปเมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งศาลก็ให้ประกันตัว 2 ล้านบาทพร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศเช่นกัน

 

 

 

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ