ปคม.สอบ "เจน-รุ้ง" อ้างเคยถูก "อ๊อฟ" ล่วงละเมิด

 

             จากกรณีที่พนักงานสอบสวน บก.ปคม. เรียกสอบปากคำ น.ส.เจน และ น.ส.รุ้ง พยานปากสำคัญที่เคยออกมาระบุก่อนหน้านี้ว่า เคยถูกล่อลวงไปล่วงละเมิดทางเพศ เช่นเดียวกับนางสาวนรีกานต์ ยาวิราช อายุ 19 ปี หรือน้องหญิง ที่เสียชีวิตอย่างปริศนา เนื่องจากกะโหลกศีรษะแตกและสมองบวม หลังจากเดินทางกลับจากไปเที่ยวสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในอำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นั้น

 

 

 

             ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 6 ส.ค. 2561 ที่กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) พล.ต.ต.กรไชย คล้ายคลึง ผบก.ปคม. เปิดเผยถึงกรณีที่พนักงานสอบสวนเรียกสอบปากคำ น.ส.เจน และ น.ส.รุ้ง พยานปากสำคัญที่อ้างว่าเคยถูกนายอ๊อฟล่อลวงไปล่วงละเมิดทางเพศ ลักษณะคล้ายคดีของน้องหญิง ว่า

 

 

 

 

             "เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีที่ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนและภาคประชาสังคม ซึ่งทุกคนจับตาดูอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทาง รองผบ.ตร. ที่ได้รับมอบหมายจาก ผบ.ตร.ให้มาดูแล ซึ่งทาง รองผบ.ตร. มองว่าน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ เพราะฉะนั้นจะเป็นหน้าที่ของ บก.ปคม. ที่จะเข้ามาคลี่คลายดูว่าเข้าการค้ามนุษย์หรือไม่ ประกอบกับวันนี้ได้มีการนัดหมายให้ผู้เสียหายเข้าให้ปากคำ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่อยากให้ผู้เสียหายหนักใจ ตามข้อเท็จจริงแล้วผู้เสียหายอยากจะให้ข้อมูลแบบเป็นส่วนตัว"

 

 

 

 

             พล.ต.ต.กรไชย กล่าวต่อว่า สำหรับวันนี้ได้เตรียมพนักงานสอบสวนหญิงรองรับคดีค้ามนุษย์และคดีทุกคดีทางเพศ ก็น่าจะได้ข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์หรือไม่ อย่างไรก็ตามต้องรอให้การสอบสวนเสร็จสิ้นก่อน ซึ่งจะใช้ระดับหัวหน้าพนักงานสอบสวนและพนักงานสอบสวนหญิงที่ชำนาญมาสอบสวนคดีและหาข้อมูลพยานหลักฐาน ส่วนประเด็นทุกประเด็นที่เกี่ยวข้องในคดีการเสียชีวิตของน้องหญิง ตนเชื่อว่าเราเป็นตำรวจเราก็มีข้อมูลและมีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งตำรวจภูธรภาค 1 ตำรวจสอบสวนกลาง รวมถึงกองพิสูจน์หลักฐาน ทั้งนี้จะต้องนำข้อมูลทุกอย่างทุกมิติ เช่น พฤติกรรมของผู้ต้องหาเกี่ยวข้องหรือไม่ แล้วการกระทำ ณ วันเวลานั้น เชื่อได้หรือไม่ว่าได้เกิดเหตุเกิดขึ้นจริง การเกิดเหตุเกิดขึ้นจริงนั้นน่าจะมีลักษณะหรือพฤติกรรมที่คล้ายกับที่น้องหญิงเสียชีวิตหรือไม่ เพราะฉะนั้นการพิสูจน์ทราบเพื่อให้สิ้นข้อสงสัยว่าสรุปแล้วเป็นการฆาตกรรม หรือการกระทำอย่างหนึ่งอย่างใด หน่วงเหนี่ยว หรือธุระจัดหา หรือเป็นการค้ามนุษย์ ซึ่งจะต้องเป็นมิติที่จะต้องตอบได้ เพื่อให้ครอบครัวของผู้เสียชีวิตหรือผู้เสียหายสิ้นข้อสงสัยต่างๆ มีความสบายใจ และมีความมั่นใจในกระบวนการยุติธรรม

 

 

 

 

 

             พล.ต.ต.กรไชย กล่าวต่ออีกว่า สำหรับการเข้าข่ายคดีค้ามนุษย์ที่มีอายุมากขึ้น หรือมากกว่าอายุ 18 ปี ที่จะเข้าได้จะต้องมีพฤติกรรมใดใด ทั้งการบังคับขู่เข็ญ หลอกลวงใดใด การได้มาซึ่งผลประโยชน์นั้นๆ ที่ต้องเข้าข่าย 1 ใน 8 ข้อของการค้ามนุษย์ อย่างไรก็ตามคดีนี้จะเข้าข่ายการค้ามนุษย์หรือไม่นั้นต้องรองทางพนักงานสอบสวนพิจารณาองค์ประกอบต่างๆ ที่ทาง บก.ปคม.ได้ลงพื้นที่เก็บรวบรวมข้อมูลมาประกอบกับการสอบสวนว่าเข้าข่ายหรือไม่

 

 

 

 

             พล.ต.ต.กรไชย กล่าวอีกด้วยว่า ทาง ปคม.ได้เตรียมพนักงานสอบสวนหญิงไว้ เพื่อสอบสวนหาความเชื่อมโยงการเสียชีวิตของน้องหญิงว่ามีพฤติการณ์เข้าข่ายการค้ามนุษย์หรือไม่ โดยจะต้องดูการสอบปากคำว่ามีการบังคับขู่เข็นหลอกลวงหรือไม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ทาง ปคม.ได้ลงพื้นที่ไปหาพยานหลักฐานและสอบปากคำพยานแวดล้อมทั้งหมดแล้ว คาดว่าหากสอบสวนพยาน 2 คนนี้ คือ น.ส.รุ้ง และ น.ส.เจน แล้วเสร็จจะมีความชัดเจน เบื้องต้นเตรียมสอบถามทุกประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคดี โดยเฉพาะวันเวลาที่เกิดเหตุว่ามีลักษณะคล้ายกับเหตุการณ์ของน้องหญิงหรือไม่ เพื่อคลายข้อสงสัยและตอบคำถามสังคมได้ ซึ่งการเข้าพบพนักงานสอบสวนในวันนี้เป็นเพียงการพูดคุยเพื่อนำข้อมูลไปประกอบกับพยานหลักฐานและพยานวัตถุ พิจารณาว่าเป็นการเข้าข่ายมูลฐานความผิดค้ามนุษย์หรือไม่

 

 

 

 

             ทั้งนี้ทาง พล.ต.ต.กรไชย ยังเปิดเผยอีกด้วยว่า ตนเตรียมจะเข้าไปนั่งพูดคุยกับพยานรายสำคัญในคดีนี้ด้วยตนเอง อย่างไรก็ตามในคดีนี้ทาง บก.ปคม.ได้บันทึกถ้อยคำของพยานในพื้นที่ไว้เป็นข้อมูลแล้ว รวมถึงการสอบปากคำพยานรายสำคัญ 2 คนที่จะเข้าให้ข้อมูลในวันนี้ หลังจากนี้ก็ไม่จำเป็นต้องสอบปากคำบุคคลใดเพิ่มเติมแล้ว

 

 

             ต่อมาเวลา 15.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ หญิง กก.2 บก.ปคม. นำตัว น.ส.เจน และ น.ส.รุ้ง 2 พยานคนสำคัญเข้าไปที่ห้อง ผบก.ปคม. โดย พล.ต.ต.กรไชย จะร่วมสอบปากคำด้วยตัวเอง พร้อมพนักงานสอบสวน