ข่าว

ปิดล้อมบ้านย่านประเวศ เครือข่ายคอลเซ็นเตอร์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"บิ๊กโจ๊ก" พร้อมตร.มาเลเซีย ปิดล้อมบ้านย่านประเวศ เปิดเป็นฐานปฏิบัติการคอลเซ็นเตอร์เครือข่ายกลุ่มสำคัญ เผยเช่าบ้านมา 4เดือนเตรียมจะปิดย้ายจุด แต่ถูกจับก่อน

 

          เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 2 สิงหาคม พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท.,ในฐานะรองผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร) พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบก.ทท.2, พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท.1, พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ., พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รองผบก.สส.บช.ภ.2 พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง ผกก.สส.บก.น.4 พ.ต.อ.จุมพล อินลักษณะ ผกก.สส.ภ.จว.ขอนแก่น พ.ต.ท.อาริศ คูประสิทธิรัตน์ รองผกก.สายตรวจ สนธิกำลังชุดปฎิบัติการศปอส.ตร. บช.สตม. และตำรวจมาเลเซีย ปิดล้อมตรวจค้นบ้านเลขที่ 142 หมู่ที่ 9 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพฯ หลังสืบสวนทราบว่ามีกลุ่มชาวมาเลเชียเข้ามาเช่าบ้านเปิดเป็นฐานปฏิบัติการตั้งคอลเซ็นเตอร์

 

          ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยวสูงสองชั้นอยู่ในหมู่บ้านดังกล่าว กำลังเจ้าหน้าที่ได้บุกเข้าไปในบ้าน ก็พบชายชาวมาเลเชีย 10 ราย กำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะที่ถูกดัดแปลงเพื่อทำเป็นคอลเซ็นเตอร์ และอยู่ในอาการตกตะลึงเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ก็พยายาม วิ่งหนีการจับกุมจนชุลมุน แต่ก็ถูกคุมตัวไว้ได้ทั้งหมด จากการตรวจค้นพบของกลางโทรศัพท์มือถือ ipad และบทความหลอกลวงภาษามาเลเซีย เครื่องทำลายเอกสารและบทสนทนารวมถึงเอกสารจำนวนหนึ่งที่ถูกทำลายไปก่อนหน้านี้จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

 

ปิดล้อมบ้านย่านประเวศ เครือข่ายคอลเซ็นเตอร์

 

          พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สำหรับปฎิบัติการครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่างตำรวจจากศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ประเทศมาเลเชีย และศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการประสานข้อมูลสืบสวนหลังทราบว่ามีกลุ่มชาวมาเลเชีย ใช้ไทยเป็นฐานที่มั่นในการตั้งคอลเซ็นเตอร์ จึงได้บูรณาการทำงานร่วมกันในการแกะรอย กระทั่งพบความเคลื่อนไหวที่บ้านดังกล่าว ว่ามีชาวต่างชาติเข้ามาทำงานในลักษณะต้องสงสัยอยู่กันเป็นจำนวนมากและชอบเก็บตัวไม่ออกไปไหน ทำงานกันตลอด 24 ชั่วโมง

 

ปิดล้อมบ้านย่านประเวศ เครือข่ายคอลเซ็นเตอร์

       

 

          จากการตรวจสอบพบว่ามีการเช่าบ้านหลังดังกล่าวในราคาเดือนละ 90,000 บาท และได้เช่ามาเป็นเวลากว่า 4 เดือน ซึ่งจากการสอบปากคำผู้ต้องหาเบื้องต้นให้การว่ากำลังจะปิดคอลเซ็นเตอร์ย้ายจากจุดนี้ เพื่อหลบหนีให้ยากต่อการติดตามจับกุม แต่ก็มาถูกจับกุมได้เสียก่อน โดยเครือข่ายมีนายทุนชาวมาเลเชีย ไต้หวัน อยู่เบื้องหลัง อย่างไรก็ตามเครือข่ายนี้ถือเป็นอาชญากรข้ามชาติกลุ่มสำคัญที่ตำรวจจากมาเลเชียต้องการตัว ถือเป็นความร่วมมือระหว่างไทยและมาเลเชียที่ประสบความสำเร็จอีกครั้ง หลังจับมือกันแลกเปลี่ยนข้อมูล จนเข้าจับกุมเป็นผลสำเร็จ

 

ปิดล้อมบ้านย่านประเวศ เครือข่ายคอลเซ็นเตอร์

 

          ทั้งนี้สถานการณ์ในปัจจุบันคอลเซ็นเตอร์มีรูปแบบที่เปลี่ยนไปเดิมที่จะใช้ระบบวีโอไอพีในการเชื่อมโยงเครือข่ายก่อนที่จะโทรศัพท์มาหลอกลวงเหยื่อ แต่ปัจจุบันพบมีการใช้พอคเก็ทไวฟายเป็นตัวเชื่อมสัญญาณแทนระบบวีโอไอพี เพื่อให้ยากต่อการติดตามจับกุม

 

ปิดล้อมบ้านย่านประเวศ เครือข่ายคอลเซ็นเตอร์

 

          เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหา ฉ้อโกงประชาชนและความผิดฐานฟอกเงิน และจะตรวจสอบหาเจ้าของบ้านหากพบว่ามีความผิดจะแจ้งข้อหา ความผิดตามม.38 พรบ.ตรวจคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ก่อนดำเนินคดีและส่งตัวออกนอกประเทศต่อไป.

 

ปิดล้อมบ้านย่านประเวศ เครือข่ายคอลเซ็นเตอร์

 

ปิดล้อมบ้านย่านประเวศ เครือข่ายคอลเซ็นเตอร์

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ