ข่าว

เปิดใจ "จำเลย" ยกฟ้องแทงลูกพ่อโดดตึกศาล

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"จำเลย" แถลงเปิดใจหลังศาลตัดสินยกฟ้อง พ่อเหยื่อผิดหวังโดดตึกศาลอาญา อ้าง ไม่ได้เป็นคนแทง แต่ยอมรับวิวาทกันผู้ตายหาเรื่องก่อน

 

               จากกรณี นายธนิต ทัฬหสุนทร หรือ เต้ ถูกคนร้ายแทงเสียชีวิต เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 59 ต่อมาเมื่อวันที่ 23 ก.ค. 61 ศาลชั้นต้นได้ยกฟ้องจำเลยในคดี เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ เป็นเหตุให้ นายศุภชัย ทัฬหสุนทร ผู้เป็นพ่อ ผิดหวังและเกิดความเครียด ตัดสินใจกระโดดจากชั้น 8 ของตึกศาลอาญาเสียชีวิตนั้น

 

 

 

               ล่าสุด เมื่อเวลา 14.30 น. (26 ก.ค.) ที่ บ้านพักย่านห้วยขวาง แขวงและเขตดินแดง กรุงเทพฯ  "จำเลย" พร้อมมารดาและแฟนสาว ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริง พร้อมตอบข้อซักถามของสื่อมวลชน โดยได้เล่าลำดับเหตุการณ์ในวันที่เกิดเหตุ ยืนยัน ไม่ใช่เรื่องสถาบันฯ ระบุ เป็นเรื่องการทะเลาะวิวาทของกลุ่มวัยรุ่นที่ตนไม่รู้จัก โดยยอมรับได้มีการชกต่อยกับนายธนิตจริง แต่ปฏิเสธไม่ได้เป็นคนแทงนายธนิตจนเสียชีวิต ใช้เวลาในการชี้แจงประมาณ 30 นาที

               "จำเลย" กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนได้ออกจากบ้านประมาณ 19.00 น. เพื่อไปที่ ซ.ประชาสงเคราะห์ 1 ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 20 - 30 นาที เมื่อไปถึง ซ.ประชาสงเคราะห์ 1 ซึ่งเป็นซอยลึก โดยจากปากซอยประมาณ 30 เมตร จะเป็นที่จอดรถจักรยานยนต์ จึงนำรถ จยย. ไปจอดตรงจุดนั้น เพื่อที่จะไปเล่นน้ำสงกรานต์ ภายในซอยก็จะมีร้านขายของ เช่น ร้านขายลูกชิ้นทอด ร้านขายกะเพรา ขายข้าวไข่เจียว ตนกับแฟนก็เดินเล่นน้ำกันตามปกติ ประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ได้ยินเสียงคนโวยวายอยู่ข้างๆ ทางด้านขวา เกิดเหตุการณ์มีคนถูกตบหน้าหนึ่งคน ตนก็ไม่ได้สนใจอะไร มาทราบภายหลังว่าคนที่โดนตบหน้าคือ นายเบนซ์ ส่วนคนที่ตบหน้านายเบนซ์คือ นายเต้ ซึ่งเป็นผู้เสียชีวิต หลังจากมีการตบหน้าเกิดขึ้นมีญาติผู้ใหญ่เข้ามาเคลียร์ปัญหา ทั้งนี้ นายเต้ นายเบนซ์ รู้จักกันหมด ทั้งหมดมาด้วยกัน แต่ตนเพิ่งเคยเห็นหน้าทั้งหมดในวันนั้นเป็นครั้งแรก ที่ตนรู้จักมีเพียง 3 - 4 คน เพราะอยู่แถวบ้าน ยืนยัน ไม่รู้จักนายเต้และนายเบนซ์มาก่อน

 

 

 

               “ญาติผู้ใหญ่ได้เข้ามาเตือนทั้งหมดว่ามาด้วยกัน จะมาทะเลาะกันทำไม หากไปย้อนดูภาพวงจรปิดจะเห็นว่าผู้ตายได้ยกมือไหว้ผู้หญิง ที่ข่าวไปลงว่ายกมือไหว้กราบผู้ก่อเหตุ ที่มาใส่ร้ายผม ผู้หญิงคนนั้นคือญาติผู้ใหญ่ ไม่ได้เกี่ยวกับผมเลย นายเต้ยกมือไหว้ญาติผู้ใหญ่ เพราะญาติผู้ใหญ่ให้ทั้งหมดไปเคลียร์กัน เนื่องจากทั้งหมดมาด้วยกัน แต่กลับมาทะเลาะกันเอง”

               "จำเลย" กล่าวต่อว่า สักพักทั้งหมดก็เข้าไปเคลียร์กันในซอย แต่ตนนั้นไม่ได้เข้าไป ยังอยู่ที่หน้าซอย ที่เขาไปเคลียร์กันไม่ได้เกี่ยวกับตน จากนั้นตนก็ชวนน้อง 2 คน ที่รู้จักกันไปทำธุระส่วนตัว (ปัสสาวะ) ข้างในซอย ใกล้ๆ ตู้โทรศัพท์ เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จ ก็ได้ซื้อลูกชิ้น โดยได้ยืนกินลูกชิ้นที่ใกล้เบาะรถ จยย. ของตน จากนั้นก็ได้ยินเสียงคนข้างๆ พูดอยู่ ซึ่งคนที่พูดคือ นายตงกับนายเบนซ์ ที่อยู่ด้วยกัน ส่วนนายเต้ตอนนั้นไม่อยู่แล้ว นายตงได้ถามนายเบนซ์ว่า “มึงคาใจอะไรกับมันหรือเปล่าที่โดนตบหน้า ถ้ามึงไม่พอใจอะไรมึงบอกกูเดี๋ยวกูช่วยมึงเอง” ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร ก็เดินออกมาหน้าปากซอยเพื่อมาหาแฟน ซึ่งแฟนได้นั่งอยู่บนฟุตปาธหน้าปากซอย เพราะไม่ได้เล่นน้ำสงกรานต์

               "จำเลย" กล่าวต่อว่า ตนยืนอยู่สักพัก นายเต้ ผู้ตายได้เดินมาหาผม พร้อมพูดว่า “แฟนมึงมองหน้ากู มึงมีอะไรหรือเปล่า” จึงตอบกลับไปว่า มาเล่นน้ำไม่ได้มามีปัญหาอะไร นายเต้ก็โวยวาย จากนั้นก็มีเพื่อนของนายเต้ 2 คน มาดึงนายเต้ออกไป ตนจึงเรียกแฟนให้มาหาพร้อมถามแฟนว่า ไปมองหน้านายเต้หรือไม่ แฟนจึงบอกกับตนว่า ไม่ได้มอง ตนจึงบอกไปว่า ไม่ได้มองแล้วทำไมนายเต้มาบอกมองหน้า แฟนก็ได้ปฏิเสธว่า ไม่ได้มองหน้าหรือทำอะไรเลย จากนั้นแฟนตนเห็นท่าไม่ดี เพราะนายเต้โวยวาย จึงชวนกันกลับบ้าน เลยเดินกลับเข้าไปในซอยเพื่อเอารถ จยย. ที่จอดไว้ขับขี่กลับบ้าน นายเต้ได้เดินมาหาตนพร้อมพูดกับตนเป็นครั้งที่ 2 ด้วยคำไม่สุภาพ จึงมีการด่าและเถียงกันบริเวณรถ จยย. ของตนที่จอดอยู่ เถียงกันไม่ถึง 1 นาที ตนจึงต่อยนายเต้ก่อน 1 ครั้ง และแตะอีก 1 ครั้ง นายเต้ก็โต้ตอบกลับมาจนกระทั่งมาถึงกลางซอย ไม่นานญาติผู้ใหญ่ก็มาลากผมออกไปข้างทาง ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามตู้โทรศัพท์ และพยายามดันตนให้ไปด้านหลังซอยเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เจอนายเต้

 

 

 

               "จำเลย" กล่าวต่อว่า ต่อมาตามภาพในกล้องวงจรปิดจะเห็นว่ามีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งวิ่งมาจากปากซอย ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ตะลุมบอนเกิดขึ้นไม่ถึง 1 นาที ซึ่งตรงที่มีการตะลุมบอนกันนั้น ตนได้ออกมาก่อนแล้ว ผู้ก่อเหตุที่วิ่งเข้าไปทำร้ายนายเต้ ตนไม่รู้จักสักคนเลย และตนไม่ได้อยู่ในกลุ่มที่มาตะลุมบอนด้วย ตอนนั้นอยู่ด้านข้างกับญาติผู้ใหญ่ ตนก็ไม่ทราบว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นหลังจากนี้ ซึ่งตอนนั้นแฟนตนอยู่บริเวณรถ จยย. ตนจึงตะโกนให้แฟนมาเอากุญแจรถ จยย. เพื่อเอารถ จยย. มารับตนกลับบ้าน โดยออกทางด้านหลังซอย ทั้งนี้ ตนจำหน้ากลุ่มที่ไปตะลุมบอนนายเต้ไม่ได้ เพราะไม่รู้จักว่าใครเป็นใคร

               "จำเลย" กล่าวต่อว่า ตนยืนยันว่า ไม่เคยรู้จักและเห็นหน้านายเบนซ์มาก่อน และตอนที่ตำรวจไปตามจับตนที่ร้านหมูกระทะนั้น นายเบนซ์ก็ไม่ได้อยู่กับตนด้วย ตนได้บอกกับตำรวจว่าได้มีการชกต่อยกับนายเต้จริง แต่ไม่ได้มีการใช้อาวุธอะไรเลย ซึ่งตอนแรกตำรวจจะให้ตนเป็นพยาน แต่สุดท้ายตนกลับกลายเป็นผู้ต้องหา ส่วนขั้นตอนการชี้ตัว มีผมแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น และมาทราบภายหลังว่านายตงเป็นคนชี้ตัว ส่วนที่นายเบนซ์ซัดทอดมาที่ตนว่าเป็นคนทำนั้น คงเป็นเพราะตนกับนายเต้ได้ชกต่อยกัน ส่วนภาพในเฟซบุ๊ก คนที่บวชคือน้องชายตนไม่ใช่นายเบนซ์

               "จำเลย" กล่าวถึงกรณีที่โดนกล่าวหาว่าครอบครัวเป็นผู้มีอิทธิพลว่า อยากให้พี่ๆ ดูสภาพบ้าน สภาพครอบครัวผม ที่พ่อผมต้องเป็นผู้ป่วยนอนติดเตียง เพราะเหตุการณ์นี้ ผมจึงต้องต่อสู้เพื่อความบริสุทธิ์มาตลอด 2 ปี พี่ดูแม่ผม ไปถามชาวบ้านละแวกใกล้เคียงได้เลยว่า บ้านผมอยู่กินกันอย่างไร ทางฝั่งนู้นเขาใส่ร้ายครอบครัวผมว่าเป็นผู้มีอิทธิพล เป็นคนปล่อยเงินกู้ ส่วนเรื่องไปข่มขู่ในศาล พี่เข้าใจหรือไม่ว่าคนที่โดนตัดสินคดีที่ต้องต่อสู้มากับครอบครัวตลอด 2 ปี จะอัดอั้นแค่ไหน ผมร้องไห้ทั้งน้ำตาและหันไปยิ้มกับแฟนพร้อมบอกว่า เราผ่านมาด้วยกัน แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงมองว่าเราสะใจหรืออะไร และยืนยันว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นเรื่องระหว่างสถาบันฯ แต่อย่างใด

 

 

 

               แฟนสาว "จำเลย" กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ตะลุมบอน ระหว่างที่ตนกลับไปเอารถ จยย. นายเบนซ์ได้วิ่งมาหาตนพร้อมมือถือเปื้อนเลือดและบอกกับตนว่า เป็นคนแทง จะขอกลับด้วย แต่เพราะเราไม่รู้จักกัน ตนเลยบอกว่าไปด้วยไม่ได้ จะไปด้วยได้ยังไง ตนเลยเดินไปเอารถ จยย. และมารับแฟนกลับ และออกไปทางด้านหลังซอย หลังเกิดเรื่องสภาพจิตใจครอบครัวย่ำแย่มาก และเรื่องความเป็นอยู่จะต้องระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา ยิ่งหลังผลการตัดสินออกมา ยิ่งต้องระวังตัวมากยิ่งขึ้น เพราะเมื่อ 2 - 3 วัน ที่ผ่านมา มีวัยรุ่นขี่รถ จยย. มาวนรอบบ้านหลายครั้ง

               “ผมสู้มา ด้วยผมเป็นผู้ต้องหา สู้มาตลอด 2 ปี เพื่อความบริสุทธิ์ บ้านผมตกเป็นจำเลยสังคม โดยที่ไม่มีใครมาฟังความจากบ้านผมเลย อย่างน้อยวันนี้ ผมได้พูดความอัดอั้นของผม แม่ผมต้องร้องไห้ทุกคืน ก่อนไปศาลผมเอาดอกไม้มากราบเท้าพ่อเท้าแม่ หลังศาลตัดสินได้นำพวงมาลัยมากราบท่านว่า ผมเป็นผู้บริสุทธิ์แล้วนะ หลังจากผลตัดสินผมกลับตกเป็นจำเลยสังคม โดนกล่าวหา ด่า สาปแช่ง ตัดสินผม โดยที่ไม่มีใครได้มาฟังผมเลย และยังมีกลุ่มวัยรุ่นมาวนเวียนมองหาผมที่หน้าบ้าน ทำให้ต้องคอยระวังความปลอดภัยตัวเอง” "จำเลย" กล่าว

 

 

 

เปิดใจ "จำเลย" ยกฟ้องแทงลูกพ่อโดดตึกศาล

 

 

 

เปิดใจ "จำเลย" ยกฟ้องแทงลูกพ่อโดดตึกศาล

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ