ข่าว

"วิระชัย" ลุยสอบโรงงานนำเข้าขยะพิษเพิ่ม

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"วิระชัย" ลุยสอบโรงงานนำเข้าขยะพิษเพิ่ม ลั่น ใครทำผิดไม่ไว้หน้า ทั้งผู้ถือหุ้น เจ้าของบริษัท ผู้จัดการ ทั้งไทยและต่างประเทศ ดำเนินการเด็ดขาดทุกราย

 

         สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 18 กรกฎาคม พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีปราบปรามการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ผิดกฎหมาย โดยมีตัวแทนจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมศุลกากร กรมควบคุมมลพิษ และหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม     

      "วิระชัย" ลุยสอบโรงงานนำเข้าขยะพิษเพิ่ม

          พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมคณะพนักงานสอบสวนสอบสวน พร้อมกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อหารือการดำเนินการกับบริษัทนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ผิดกฎหมาย ไม่ได้มาตรฐาน และทำลายสิ่งแวดล้อม ซึ่งก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. แต่งตั้งให้ตนเป็นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่ง ตร.ที่412/2561 เมื่อวันที่27 มิถุนายนที่ผ่านมา จากการตรวจสอบและติดตามขยายผลโรงงานนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ผิดกฎหมาย เบื้องต้นมีการดำเนินคดีแล้ว28 คดี และอีก8 คดีอยู่ระหว่างดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อแจ้งข้อกล่าวหา ส่วนใหญ่เป็นสำแดงสินค้าอันเป็นเท็จ บางบริษัทพบว่ามีการสำแดงเกินจริงกว่า10 เท่า โดยวันนี้จะปรึกษาหารือในประเด็นนี้ด้วยว่าจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาอะไรบ้าง ในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐ จากการสืบสวนสอบสวนยังไม่พบว่าเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำขยะอิเล็กทรอนิกส์ผิดกฎหมายแต่อย่างใด แต่ถ้าพบก็ต้องดำเนินการ

           รองผบ.ตร. กล่าวอีกว่า ส่วนการสั่งปิดโรงงาน เป็นอำนาจหน้าที่ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด คำสั่งของการปกครองท้องถิ่น ตำรวจไม่อำนาจสั่งปิด แต่เบื้องต้นทราบว่ามีการปิดไปแล้วบางโรงงาน และยืนยันว่าโรงงานที่กระทำความผิดก็จะต้องถูกสั่งปิดแน่นอน ถ้าโรงงานใดถูกสั่งปิดแล้วยังดำเนินกิจการอยู่ก็จะมีความผิดเพิ่มเติม เป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระ ยืนยันการตรวจสอบจะไม่หยุดแค่นี้ เพราะยังมีโรงงานอีกหลายโรงงานที่ทำผิดกฎหมาย ต้องเดินหน้าตรวจสอบเพิ่มเติมอีกแน่นอน ย้ำว่าจะมีการดำเนินการอย่างเด็ดขาดทุกราย ถอนรากถอนโคน ทั้งผู้ถือหุ้น เจ้าของบริษัท ผู้จัดการ ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือคนต่างประเทศก็ไว้หน้าใครทั้งสิ้น สำหรับผู้ถือหุ้นทั้งในไทยและต่างประเทศ แม้จะไม่ได้เป็นตัวการในการนำขยะเข้ามา แต่ก็มีผิดในฐานะสนับสนุน มีการฟอกเงิน มีผลประโยชน์ มีรายได้จากการกระทำความผิด ก็ถือว่าเข้าข่ายการฟอกเงินเช่นกัน ซึ่งจะต้องนำตัวมาลงโทษ

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ