ข่าว

รวบยกแก๊งเจาะตู้เอทีเอ็มกวาด 2.3 ล้าน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

4 โจรแก๊งลักจักรยานยนต์ผันตัวตระเวนเจาะตู้เอทีเอ็ม 3 จังหวัด ก่อเหตุสำเร็จ 2 ใน 5 ครั้ง ได้เงินรวมกว่า 2.3 ล้านบาท

               10 ก.ค. 61  เมื่อเวลา 13.45 น. ที่ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1)  พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รอง ผบช.ภ.1 พ.ต.อ.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบก.สส.ภ.1 พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ ประยูรตี ผกก.สส.1 บก.สส.บช.ภ.1 เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี

 

 

 

               ร่วมกันแถลงผลจับกุมแก๊งเจาะตู้เอทีเอ็ม ผู้ต้องหาจำนวน 4 ราย ประกอบด้วย นายบุญญฤทธิ์ หรือ เจ แก้วมณี อายุ 27 ปี ชาว จ.พิจิตร นายพณภัทร หรือ บอส สุโชคนันท์ อายุ 26 ปี ชาว จ.ขอนแก่น นายสมประสงค์ หรือ แบล็ค พงก่อสร้าง อายุ 21 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร และนายธวัชชัย หรือ ปาล์ม พลายแก้ว อายุ 22 ปี ชาว จ.นครสวรรค์ พร้อมของกลาง เงินสด 300,000 บาท สร้อยคอทองคำ 4 เส้น สร้อยข้อมือทองคำ 2 เส้น พร้อมแหวนทองคำ พระเครื่อง รวมน้ำหนัก 13 บาท มูลค่า 350,000 บาท รถยนต์ จำนวน 3 คัน โทรศัพท์มือถือ ไอโฟนเอ็กซ์ 5 เครื่อง ถังแก๊สพร้อมหัวตัดซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้เจาะตู้เอทีเอ็ม 1 ถัง สามารถจับกุมนายบุญญฤทธิ์ได้ที่บ้านพักย่านสายไหม กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 9 ก.ค. ที่ผ่านมา ก่อนขยายผลจับกุมผู้ต้องหาอีก 3 คน ได้ภายในวันเดียวกัน

               พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ เปิดเผยว่า คดีนี้เป็นการจับกุมแก๊งลักลอบตัดเจาะตู้เอทีเอ็ม 4 ราย ก่อเหตุในพื้นที่ จ.สระบุรี ลพบุรี และพระนครศรีอยุธยา ได้เงินไปรวมกว่า 2.3 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักรถจักรยานยนต์ด้วย

               พล.ต.ท.สุวัฒน์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ที่ผ่านมา มีคนร้ายพยายามก่อเหตุลักเงินสดภายในตู้เอทีเอ็ม (ธนาคารกสิกรไทย) ในพื้นที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ต่อมาไปก่อเหตุลักษณะเดียวกันอีกที่ อ.หนองแค จ.สระบุรี และทำอีก 3 ครั้ง ที่ จ.ลพบุรี สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา รวมเป็น 5 ครั้ง ทำสำเร็จได้เงินไปเพียง 2 ครั้ง คือที่ จ.ลพบุรี ได้เงิน 174,500 บาท และที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ได้เงินไปประมาณ 2,200,000 บาท ซึ่งครั้งนี้คนร้ายลักเงินสดตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงเทพ แล้วขับรถหนี แต่รถเกิดติดหล่มและไฟลุกไหม้ ทำให้ต้องทิ้งรถ

 

 

 

               จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การว่า พยายามศึกษาและเรียนรู้วิธีจากเว็บไซต์ยูทูบ (Youtube) อีกทั้งเดิมเป็นแก๊งลักรถจักรยานยนต์ ซึ่งเปลี่ยนรูปแบบมาเป็นลักเงินตู้เอทีเอ็มแทน เพราะได้เงินง่ายกว่า และเชื่อว่าถูกจับตัวยาก อย่างไรก็ตาม ตนคงไม่ลงรายละเอียดถึงวิธีการที่คนร้ายใช้ เนื่องจากอาจเป็นแบบอย่าง ทั้งนี้ แก๊งนี้เคยร่วมกระทำผิดกันมาก่อน 3 ใน 4 คน กำลังหนีหมายจับ (เกี่ยวกับลักรถจักรยานยนต์) ส่วนรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ จะซื้อขายผ่านทางโซเชียลเป็นหลัก หลังก่อเหตุแต่ละครั้งก็จะเปลี่ยนรถใหม่ และแยกย้ายกันหลบหนี ซึ่งหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่จะติดตามเรื่องการตรวจยึดทรัพย์ต่อไป

               พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุรวม 5 ครั้ง ทาง ผบช.ภ.1 ได้ประชุมสั่งการเร่งรัดคดีนี้ ชุดสืบสวนจึงเริ่มจากการตรวจสอบหลักฐานที่คนร้ายทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุ และรวบรวมภาพจากกล้องวงจรปิด พร้อมติดตามในโซเชียล จนทราบว่าคนร้ายใช้รถยนต์ มาสด้า 2 สีขาว ก่อเหตุ 3 ครั้งแรก (2 ครั้งหลังเป็นมิตซูบิชิ ไทรทัน) โดยเป็นรถหลุดจำนำที่ซื้อมาจากในโลกโซเชียล นำมาสู่การรู้ตัวคนร้าย คือ นายบุญญฤทธิ์ หรือ เจ มีความเกี่ยวข้องกับแก๊งลักรถจักรยานยนต์ ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดเคยอยู่แก๊งเดียวกัน และเคยถูกดำเนินคดีแต่สู้คดีออกมา จนมาก่อเหตุกับตู้เอทีเอ็ม เพราะทำง่าย ได้เงินเร็ว เมื่อทราบตัวคนร้าย ชุดสืบสวนจึงเฝ้าติดตาม พบว่านายบุญญฤทธิ์พักอยู่ย่านสายไหม ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวเป็นจุดรวมตัวของผู้ต้องหาที่เหลือ เพื่อวางแผนก่อนลงมือก่อเหตุ

 

 

 

               “หลังจากเฝ้าดูพฤติกรรมและรวมรวบหลักฐาน เจ้าหน้าที่ก็สามารถออกหมายจับทั้ง 4 คนได้ จากนั้นจึงเข้าจับกุมนายบุญญฤทธิ์ได้ที่บ้านพัก ย่านสายไหม ก่อนขยายผลจับผู้ต้องหาที่เหลือ จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า หลังก่อเหตุที่ จ.ลพบุรี ได้เงินมาครั้งแรก 174,500 บาท ได้แบ่งเงินกันคนละ 40,000 บาท ครั้งที่ 2 ได้เงินมา 2,200,000 บาท แบ่งกันคนละ 540,000 บาท โดยนายบุญญฤทธิ์ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊ง ทำหน้าที่จัดหาอุปกรณ์และเจาะตู้เอทีเอ็ม นำเงินไปซื้อรถยนต์ มิตซูบิชิ อีโวลูชัน ในราคา 350,000 บาท ที่เหลือไปใช้หนี้สิน ส่วนนายพณภัทรเป็นผู้ช่วยนายบุญญฤทธิ์ นำเงินไปใช้หนี้กับเก็บไว้ นายสมประสงค์ทำหน้าที่ดูต้นทาง นำเงินไปใช้หนี้พนันฟุตบอล ส่วนนายธวัชชัยทำหน้าที่อยู่ในรถเพื่อเตรียมพาหลบหนี ก่อนมาถูกจับกุมได้ทั้งหมด” พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ กล่าว

               เบื้องต้น เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์และพยายามลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป และเพื่อให้พ้นการจับกุม ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

 

 

รวบยกแก๊งเจาะตู้เอทีเอ็มกวาด 2.3 ล้าน

 

 

 

รวบยกแก๊งเจาะตู้เอทีเอ็มกวาด 2.3 ล้าน

 

 

 

รวบยกแก๊งเจาะตู้เอทีเอ็มกวาด 2.3 ล้าน

 

 

 

รวบยกแก๊งเจาะตู้เอทีเอ็มกวาด 2.3 ล้าน

 

 

 

รวบยกแก๊งเจาะตู้เอทีเอ็มกวาด 2.3 ล้าน

 

 

 

รวบยกแก๊งเจาะตู้เอทีเอ็มกวาด 2.3 ล้าน

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ