ข่าว

รัฐควัก 63.9 ล้าน เยียวยาเหยื่อเรือล่มภูเก็ต

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รัฐจ่ายเยียวยาเรือล่มภูเก็ตเกือบ 64 ล้านบาท เผยมี 5 คนอาจไม่ได้ขึ้นเรือรอยืนยันตัวตน ค้นหาสูญหายอีก 4 ราย "บิ๊กตู่"จ่อปรับปรุงระบบ ตร.ลุยสาวภาษี-นอมินี

     ความคืบหน้ากรณีการค้นหาผู้สูญหายจากเหตุเรือท่องเที่ยวฟีนิกซ์ล่มที่บริเวณเกาะเฮ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อค่ำวันที่ 5 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเสียชีวิตจำนวนมากและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหากัปตันเรือตลอดจนเร่งตรวจสอบว่าบริษัทดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับทัวร์ศูนย์เหรียญและมีคนไทยเป็นนอมินีหรือไม่ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

รัฐควัก 63.9 ล้าน เยียวยาเหยื่อเรือล่มภูเก็ต

     ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา แถลงมติการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวต่างชาติ เป็นกรณีพิเศษเร่งด่วน เพื่อพิจารณาจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติประสบอุบัติเหตุเรือล่มที่ จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ว่า ที่ประชุมอนุมัติงบช่วยเหลือเยียวยาแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ประสบอุบัติเหตุเรือล่ม รวมทั้งสิ้น 63,960,000 บาท ดังนี้ 1.กรณีเสียชีวิต จะได้รับเงินเยียวยารายละ 1,000,000 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 56 ล้านบาท 2.ค่ารักษาพยาบาล รายละไม่เกิน 500,000 บาท เบื้องต้นจำนวน 10 คน 3.กรณีฟื้นฟูสภาพจิตใจ หรือค่าทำขวัญ จำนวน 74 ราย จะได้รับเงินเยียวรายละ 20,000 บาท 4.กรณีหยุดชะงักของการเดินทางจะได้รับเงินเยียวยารายละ 20,000 บาท โดยกระทรวงการท่องเที่ยงและกีฬา จะทำพิธีมอบผ่านเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย เร็วที่สุดภายในวันที่ 12 กรกฎาคม ที่ จ.ภูเก็ต เพื่อแสดงถึงความตั้งใจจริงของการช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวต่างชาติที่เกิดอุบัติเหตุ

     นายพงษ์ภาณุ กล่าวด้วยว่า การพิจารณาจ่ายเงินเยียวยาครั้งนี้ ถือว่าจ่ายเต็มขั้นสูงสุดของกองทุนเยียวยาเนื่องจากเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาประสบเหตุในไทย และตลาดนักท่องเที่ยวจีนถือว่าใหญ่ของการท่องเที่ยวไทย ในปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวจีนมาไทยถึง 10 ล้านคน และอุบัติเหตุครั้งนี้ถือเป็นเหตุทางภัยธรรมชาติเนื่องจากเรือที่ประสบเหตุได้ออกทะเลหลังศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันตกประกาศเรื่องฝนตกหนักและประกาศแจ้งเตือนและขณะนี้ จ.ภูเก็ต ได้ถูกประกาศเป็นเขตประสบภัยพิบัติแล้ว มองว่าเป็นผลกระทบการท่องเที่ยวระยะสั้นเท่านั้น ทราบเพียงยกเลิกทัวร์ช่วงนี้เพียง 3 บริษัทเท่านั้น

     ด้านนายสันติ ป่าหวาย รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า กระทรวงได้ส่งเจ้าหน้าที่รวม 200 คนลงประจำทุกจุด ศูนย์อำนวยการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ประสบเหตุเรือล่มเพื่ออำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ แก่ครอบครัวและญาตินักท่องเที่ยวที่เดินทางมายัง จ.ภูเก็ต นอกจากนี้สมาคมโรงแรม จ.ภูเก็ต สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว ATTA ได้บริการจัดที่พักฟรีแก่ครอบครัวและญาตินักท่องเที่ยวที่ประสบเหตุด้วย ประสานวัดใน จ.ภูเก็ต จำนวน 15 วัด เพื่อฌาปนกิจ แต่ขึ้นอยู่กับครอบครัวหรือญาติว่าจะมีความประสงค์ฌาปนกิจที่ประเทศไทยหรือไม่

     ส่วนการเคลื่อนย้ายหรือขนส่งศพจะเป็นความรับผิดชอบของบริษัทประกันภัย ซึ่งนักท่องเที่ยวที่ประสบเหตุทั้งหมดมีข้อมูลว่าได้ทำประกันการท่องเที่ยวไว้ที่บริษัทนำเที่ยวไว้ทั้งหมด มีค่าประกันรายละ 1 ล้านบาท ซึ่งงบเยียวยาของรัฐและนำไปสมทบกับเงินประกันที่นักท่องเที่ยวจะได้รับอยู่แล้วและจะไม่ให้ซ้ำซ้อนกัน

รัฐควัก 63.9 ล้าน เยียวยาเหยื่อเรือล่มภูเก็ต

รอยืนยันตัวตน 5 รายสูญหายอีก 4

     ที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยเรือล่มจังหวัดภูเก็ต บริเวณท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงความคืบหน้าการค้นหาว่า จากการประชุมร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนของกงสุลจีนและหน่วยงานราชการของไทย ได้สรุปข้อมูลล่าสุดว่า ในวันเกิดเหตุคือวันที่ 5 กรกฎาคม มีนักท่องเที่ยวลงเรือฟีนิกซ์ทั้งหมด 89 คน แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวจีน 87 คน และยุโรปอีก 2 คน มีผู้รอดชีวิต 37 คน และพบร่างผู้เสียชีวิต 41 ราย โดยยังมีผู้สูญหายอีก 11 คน ซึ่งในจำนวนนี้อยู่ระหว่างการยืนยันตัวตนว่ายังมีชีวิตอยู่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำนวน 5 คน ซึ่งอาจจะไม่ได้ลงเรือในวันเกิดเหตุ ทำให้เหลือผู้สูญหายที่ต้องค้นหาจำนวน 6 คน ในจำนวนนี้พบแล้ว 1 รายถูกเรือทับอยู่และรอการนำร่างขึ้นมา

     ด้าน พล.ร.ท.สมนึก เปรมปราโมทย์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 กล่าวว่า ในของส่วนศพที่ถูกเรือทับทางหน่วยกู้ภัยของทัพเรือและหน่วยเกี่ยวข้องได้เตรียมความพร้อมนำอุปกรณ์ฉีดทรายเพื่อนำร่างออกมารวมทั้งได้เตรียมความพร้อมในการกู้เรือซึ่งจะเจ้าท่าเป็นเจ้าภาพหลักและแจ้งให้ผู้ประกอบการเข้ามาดูแลในส่วนนี้แล้วหากสภาพอากาศเอื้ออำนวยก็จะทำทันที

     ขณะที่พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต กล่าวว่า ศพจำนวน 41 รายสามารถพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลได้แล้วทั้งหมด และมีญาติมายืนยันตัวตนแล้ว 33 ราย ยังคงเหลือรอการยืนยัน 4 ราย โดยคณะกรรมการพิจารณาพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลสามารถมอบศพให้ญาติเพื่อรับไปดำเนินการพิธีกรรมทางศาสนาได้ 

      ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณท่าเทียบเรืออ่าวฉลองยังคงมีนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวดำน้ำที่ยังเดินทางออกไปดำน้ำบริเวณเกาะแก่งใกล้เคียง ซึ่งก่อนลงเรือทุกคนจะสวมใส่เสื้อชูชีพเพื่อความปลอดภัย ขณะเดียวกันยังมีประกาศของเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต ให้ระมัดระวังในการเดินเรือและให้เรือเล็กที่มีขนาดต่ำกว่า 10 เมตร ห้ามออกจากฝั่งเนื่องจากคื่นลมทะเลแรง ความสูง 2-3 เมตร ระหว่างวันที่ 7-12 กรกฎาคมนี้

      ต่อมากองทัพเรือที่ออกลาดตระเวนค้นหาร่างผู้สูญหายได้รับแจ้งพบศพลอยอยู่บริเวณเกาะไม้ท่อนจึงเข้ากู้ขึ้นบนเรือพบเป็นเพศหญิงก่อนนำส่งตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลต่อไป ทั้งนี้ยังมีผู้สูญหายอีก 4 รายที่ต้องค้นหา

“บิ๊กตู่” จ่อปรับปรุงป้องกันเหตุซ้ำ

     เวลา 13.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม และคณะ เดินทางมาตรวจเยี่ยมศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยเรือล่มจังหวัดภูเก็ต บริเวณท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง โดยมี นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมคณะบรรยายสรุปความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ประสบเหตุเรือล่ม

รัฐควัก 63.9 ล้าน เยียวยาเหยื่อเรือล่มภูเก็ต

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวภายหลังการรับฟังบรรยายสรุปว่า ตั้งใจจะมาหลายวันแล้วแต่เนื่องจากติดภารกิจหลายประการซึ่งล้วนเป็นภารกิจที่มีความสำคัญเท่ากัน โดยให้ความสำคัญทุกภารกิจอย่างเท่าเทียมกัน ขณะนี้มีเหตุการณ์หลักคือที่ภูเก็ตกับเหตุการณ์ช่วยเหลือเด็กออกจากถ้ำหลวง จ.เชียงราย รวมถึงการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งเรากำลังมีการพัฒนาในหลายเรื่องด้วยกัน

      ทั้งนี้ได้มีโอกาสพบกับนายหลิว เจี้ยน เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ตัวแทนของทางการจีนและผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารซึ่งได้นำข้อความจากประธานาธิบดีจีนมายังตน ซึ่งไม่มีการกดดันหรือกำชับใดๆเป็นพิเศษ เพียงแต่ขอให้ทางการไทยช่วยดูแลผู้บาดเจ็บและสูญเสียอย่างเต็มที่ซึ่งได้แจ้งแนวทางการทำงานผ่านกระทรวงการต่างประเทศไปแล้ว นอกจากนี้ยังบอกกับเอกอัครราชทูตจีนให้เข้าใจว่าไทยกับจีนเราเป็นพี่น้องกันมาเป็นเวลาหลายร้อยปี ไม่ว่าจะเป็นคนจีนหรือคนไทยคือคนประเทศเราเช่นเดียวกัน และในการช่วยเหลือต่างๆ เป็นไปตามมาตรฐานสากลอยู่แล้ว และขณะเดียวกันเราจะต้องดูแลคนทุกประเทศที่เข้ามาอาศัยอยู่หรือท่องเที่ยวในประเทศไทยเช่นเดียวกัน

     เนื่องจากขณะนี้การท่องเที่ยวมีการเติบโตสูงมากดังนั้นจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงและมีการนำเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เราพยายามเพิ่มในส่วนของบุคลากรและอุปกรณ์ต่างๆให้มากขึ้นแต่ก็ยังไม่เพียงพอโดยเฉพาะกรณีที่เป็นเหตุการณ์ใหญ่ๆ ซึ่งจะมีการหารือกันต่อไปว่าจะต้องปรับปรุงอย่างไร รวมถึงความร่วมมือระหว่างประเทศด้วย โดยเฉพาะจีนซึ่งพร้อมให้ความร่วมมือในเรื่องเหล่านี้ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน เพราะเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ได้เกิดเฉพาะในประเทศไทยแต่สามารถเกิดได้ในทุกประเทศ

จี้ผู้ประกอบการอย่าทำผิดก.ม.

     “สิ่งสำคัญที่สุดคือความร่วมมือกันของผู้ประกอบการกิจการท่องเที่ยว เจ้าของเรือหรือเจ้าของบริษัทนำเที่ยว ซึ่งต้องเกี่ยวพันเชื่อมโยงกับข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่รัฐในการประกอบธุรกิจ ซึ่งจะต้องคำนึงถึงข้อกฎหมาย และดูแลการประกอบการให้ถูกต้องทุกประการ เพื่อให้เกิดการลงทุนเพิ่มมากขึ้น เมื่อการท่องเที่ยวเติบโตมากขึ้น และคนยิ่งเข้ามามากความเสี่ยงก็จะยิ่งมากตามไปด้วย หากไม่ลงทุนหรือไม่มีการซักซ้อมหรือตรวจสอบความสูญเสียก็จะเกิดขึ้นมากตามไปด้วย สิ่งเหล่านี้จะต้องมีการทบทวน” นายกฯ กล่าว และว่า นอกจากนี้ผู้ประกอบการจีนจะมีการลงทุนเป็นอันดับต้นๆ เหมือนประเทศอื่นๆ เช่นเดียวกันต้องรักษามิตรเหล่านี้ไว้ให้ได้ต้องช่วยกันอย่าทำอะไรที่ไม่สมควรจะทำหรือทำอะไรที่ผิดกฎหมาย ทำอะไรต้องคิดว่าเราเป็นเจ้าภาพที่ดีให้สมกับที่เรามีความสัมพันธ์กันมายาวนานกว่าหลายร้อยปีที่ผ่านมา

รัฐควัก 63.9 ล้าน เยียวยาเหยื่อเรือล่มภูเก็ต

     นายกฯ กล่าวด้วยว่า ในการออกเรือทุกคนจะต้องฟังประกาศคำเตือนของราชการหากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีกก็ต้องมาตรวจสอบว่าที่ประกาศออกไปมีการปฏิบัติกันอย่างไร ถูกต้องหรือไม่ ดังนั้นความผิดก็จะกลับมาที่เจ้าหน้าที่ ฉะนั้นทุกคนต้องมีการความรับผิดชอบร่วมกันนี่คือการทำงานแบบประชารัฐ เพราะเมื่อเกิดการสูญเสียเราไม่สามารถเรียกร้องกลับมาได้ แต่จะต้องไม่ให้มีการสูญเสียอีกต่อไป นั่นคือประเด็นสำคัญ

     ทั้งนี้ก่อนปิดการแถลงข่าวนายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณคนจีนทุกคนด้วยคำภาษาจีนว่า “เซียะเซียะ” นอกจากนี้นายกฯได้เยี่ยมผู้บาดเจ็บและญาติของผู้สูญหายด้วย

     ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวระหว่างเป็นประธานในพิธีเปิดอาคารและส่งมอบกุญแจห้องพักอาศัยโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง รองรับผู้อยู่อาศัยเดิมระยะที่ 1 แปลง จี ว่าวันนี้ต้องเดินทางไป จ.ภูเก็ต และเชียงราย สิ่งที่ถามไปว่ามีความสุขหรือไม่ ทำให้สิ่งที่ทำทุกวันนี้มีกำลังใจหรือไม่ ไม่ได้โทษใคร แต่ระบบไปไหนหมด การทำงานจะต้องทำเป็นระบบ ถ้าทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ ตำรวจ ทหาร หรือพลเรือนไม่ใช่ทุกคนโทษกันไปมา

     "ผมจะไม่ให้มีการโทษกันอีกต่อไป เรื่องไหนที่เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ หรือเรื่องไหนที่หลายคนต้องเกี่ยวข้อง ต้องรับผิดชอบทั้งหมด” นายกฯ กล่าว

     ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเหตุเรือล่มที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งพบเรือ 1 ใน 3 ลำที่ประสบเหตุโดนพายุจมนั้นอาจเกี่ยวข้องกับทัวร์ศูนย์เหรียญจากประเทศจีนว่า จีนเข้ามาโดยใช้นอมินีคนไทย ขณะนี้เขากำลังดำเนินคดีอยู่ เมื่อถามถึงข้อดีข้อเสียที่คนจีนเข้ามาทำธุรกิจและก่อให้เกิดปัญหา พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็เขาไม่เชื่อกรมอุตุนิยมวิทยา จึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ซึ่งก็ต้องแก้ไขต่อไป เรามีกฎหมายอยู่แล้ว ส่วนการเรียกความเชื่อมั่นนั้น คนจีนเป็นคนนำนักท่องเที่ยวจีนเข้ามา เป็นเรื่องของนักท่องเที่ยวเขา เรื่องของเขา เขาทำเรือของเขาเอง เขาฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเรา จะให้ไปเรียกความเชื่อมั่นอย่างไร ส่วนจะต้องมีการสแกนพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวจีนในเรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญเราจับไปเยอะแล้ว 

รัฐควัก 63.9 ล้าน เยียวยาเหยื่อเรือล่มภูเก็ต

บิ๊กโจ๊กสอบภาษี-เงินทุนจากไหน

     ขณะที่ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบช.ทท. เปิดเผยถึงการดำเนินคดีกับนอมินีบริษัททัวร์ที่เข้ามาดำเนินธุรกิจการท่องเที่ยวในไทยว่า หลังเกิดเหตุเรือล่มครั้งนี้คนในพื้นที่ เจ้าของกิจการคนไทยที่เป็นเจ้าของจริงๆ ได้ให้ข้อมูลมากมาย จะเห็นได้ว่าเจ้าของกิจการจริงไม่มีใครออกเรือในวันดังกล่าวเนื่องจากเจ้าของจริงๆ ไม่มีใครอยากให้เรือเสียหายไม่ต้องการให้นักท่องเที่ยวได้รับอันตราย แต่บริษัทนอมินีเหล่านี้ออกเรือเพื่ออะไรเพราะมีการสั่งงานจากคนอื่นซึ่งไม่ได้เป็นเจ้าของกิจการ จากนี้เราจะดำเนินการไล่ทั้งหมด ทั้งเรื่องการตรวจสอบภาษี เงินทุนเอามาจากไหน จากนี้ใครจะมาจดทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวจะถูกตรวจสอบว่าปีที่ผ่านมามีการเสียภาษีเท่าไหร่ มีรายได้เท่าไหร่จึงมาเป็นเจ้าของกิจการเงินทุนเป็นหลักล้าน เป็นการนำเงินมาจากไหน สำหรับผู้จัดการบริษัทเลซี่ แคท ทราเวล ที่เช่าเรือเซเนเรต้า ซึ่งเป็นคนจีน ตนได้ประสานบช.สตม.ดำเนินการเพิกถอนวีซ่าไปแล้วและนำตัวไปควบคุมที่ห้องกักของตม.ภูเก็ต พร้อมแจ้งข้อหากระทำการโดยประมาท โดยในช่วงบ่ายวันที่ 9 กรกฎาคม จะมีการแถลงข่าวความชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกครัง

      “จากนี้วิธีการแก้ปัญหาเรื่องนี้คือต้องดำเนินการตรวจสอบ ดำเนินคดี แล้วปิดบริษัท สำหรับชื่อนายทุนเรามีข้อมูลหมดแล้ว เป็นชาวต่างชาติที่เป็นกลุ่มเดิมๆ และมีบางส่วนที่เป็นกลุ่มใหม่ๆ จากนี้จะกวาดให้หมดและขอเตือนถึงคนไทยที่ยังรับหน้าเป็นนอมินีให้เตรียมตัวได้เลยเราจะใช้มาตรการด้านกฎหมายดำเนินการอย่างเด็ดขาด” รอง ผบช.ทท.กล่าว

พณ.ร่วมสอบ “นอมินี” ชี้โทษหนัก

      วันเดียวกัน นางกุลณี อิศดิศัย อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ให้ความสนใจเหตุการณ์เรือนำเที่ยวล่มที่ จ.ภูเก็ต และมีความเป็นห่วงนักท่องเที่ยวและลูกเรือเป็นอย่างมาก จึงสั่งการให้เร่งตรวจสอบสถานะของบริษัทนำเที่ยวทั้ง 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท เลซี่ แคท ทราเวล จำกัด เจ้าของเรือเซเรนาต้า จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทวันที่ 17 มีนาคม 2557 ทุนจดทะเบียน 16 ล้านบาท โดยมี น.ส.อัญชลี วิทยานันทพรกุล เป็นกรรมการบริษัท ผู้ถือหุ้นประกอบด้วย น.ส.อัญชลี ถือหุ้น 48,000 หุ้น หรือร้อยละ 30 นายวิทยา ชัยธาวุฒิ ถือ 33,600 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 21 และบริษัท เลซี่แคท อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ประเทศจีน ถือหุ้น 78,400 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 49 โดยปี 2559 มีผลประกอบการกำไร 64,684.12 บาท ปี 2560 มีผลประกอบการกำไร 1,280,408.70 บาท

      ส่วนบริษัท ทีซี บลู ดรีม จำกัด เจ้าของเรือนำเที่ยวฟีนิกซ์ จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทวันที่ 23 สิงหาคม 2559 ทุนจดทะเบียน 4 ล้านบาท โดยมี น.ส.วรลักษณ์ ฤกษ์ชัยกาล เป็นกรรมการบริษัท ผู้ถือหุ้นประกอบด้วย น.ส.วรลักษณ์ ถือหุ้น 39,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 97.50 นางยินดี ฤกษ์ชัยกาล ถือ 500 หุ้น ร้อยละ 1.25 และนายจักรพันธ์ ฤกษ์ชัยกาล ถือ 500 หุ้น โดยปี 2559 มีผลประกอบการขาดทุน 13,114.79 บาท ปี 2560 มีผลประกอบการกำไร 252,422.13 บาท

     ทั้งนี้จากข้อมูลดังกล่าว พบว่าทั้ง 2 บริษัท จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทถูกต้องตามกฎหมาย มีวัตถุประสงค์ประกอบธุรกิจนำเที่ยวถูกต้อง โดยขั้นตอนต่อไปกรมจะลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจท่องเที่ยว กรมการท่องเที่ยว กรมสรรพากร ปปง. และหน่วยงานราชการใน จ.ภูเก็ต ขยายผลตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกทุกกรณี หากพบว่าเป็นนอมินี คนไทยถือหุ้นแทน รวมทั้งกรรมการบริษัทก็ต้องรับผิดด้วย

ฉบับ นสพ.คมชัดลึก

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ