หนุ่มใหญ่คลั่งยิงแม่บ้านดับ

 

          เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 5 ก.ค.2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางยี่ขัน ได้รับแจ้งเหตุชายคุ้มคลั่งใช้อาวุธปืนยิงให้มีผู้เสียชีวิต ภายในบ้านเลขที่ 68/14 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 34 แขวงอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา ผบก.น.7 ตำรวจ สน.บางยี่ขัน ตำรวจ กก.สส.บก.น.7 และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

 

          ที่เกิดเหตุเป็นบ้านลักษณะทาวน์โฮม สูง 4 ชั้น ปลูกสร้างด้วยปูนติดกันหลายหลัง โดยบ้านหลังเกิดเหตุอยู่หลังริมสุด ภายในชั้น 2 ถึงชั้น4 ถูกดัดแปลงเป็นห้องพักให้เช่าชั้นละ 2 ห้อง รวม 6 ห้อง เมือเจ้าหน้าที่มาถึงพบศพนางสิริพร โพธิชนะดา อายุ 63 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาด เข้าที่กลางศีรษะ 1 นัด นอนจมกองเลือดที่สภาพแห้ง อยู่ที่บริเวณชั้นล่างของบ้าน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิกำลังจะดำเนินการเคลื่อนย้ายศพ ระหว่างนั้นได้ยินเสียงชายลักษณะคุ้มคลั่ง ทราบชื่อนายปิยวัฒน์ เมษศิริฤกษ์ อายุ 56 ปี พร้อมถืออาวุธปืนสั้น ไม่ทราบขนาด มาข่มขู่เจ้าหน้าที่ และไล่ให้ออกจากจุดเกิดเหตุ แล้วขึ้นไปยังห้องพักชั้น 3 ซึ่งห้องนี้อยู่ด้านหน้าของตัวบ้าน

 

 

          จากนั้นทางตำรวจจึงกั้นพื้นที่ไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้จุดเกิดเหตุได้ ต่อมาทางตำรวจชั้นผู้ใหญ่ได้สั่งการให้หน่วยอรินทราช 26 บก.สปพ. เข้ามายังจุดเกิดเหตุ โดยสวมชุดเกราะพร้อมอาวุธครบมือ อย่างไรก็ตามทางตำรวจอยู่ระหว่างการวางกำลังโดยรอบตัวบ้านเตรียมที่จะเข้าไปยังด้านใน

 

          จากการสอบถาม นายธวัชชัย สาธร อายุ43 ปี เพื่อนที่เคยทำงานด้วยกัน กล่าวว่า ตนรู้จักกับคนก่อเหตุเคยร่วมงานกันเกี่ยวกับรับเหมาก่อสร้าง แต่ปัจจุบันผู้ก่อเหตุไม่ได้ทำงานอะไร แต่มักชื่นชอบเล่นพนันฟุตบอลออนไลน์

 

 

          ขณะที่ นางสิริวรรณ โพธิชนะดา อายุ 62 ปี น้องสาวนางสิริพร ผู้ตาย กล่าวว่า พี่สาวตนได้รับการว่าจ้างจากเจ้าของบ้านให้มาดูแลเก็บค่าเช่า ซึ่งก่อนหน้านี้ นายปิยวัฒน์ ได้เข้ามาเช่าพักอาศัยเพียงคนเดียวบนห้องชั้น 3 เป็นเวลา 5 ปี และไม่ค่อยสุงสิงกับใคร มักเก็บตัวเล่นพนันออนไลน์แต่ในห้องพัก ตลอดมาทั้งคู่มักมีปากเสียงกันในเรื่องเล็กๆ น้อย อาทิเรื่องที่จอดรถ จยย. ที่จอดกีดขวาง อีกทั้งยังเคยอ้างตัวเป็นอดีตตำรวจ ทำให้คนอื่นเกรงกลัว กระทั่งล่าสุดพี่สาวเล่าให้ฟังว่า นายปิยวัฒน์ ไม่ยอมจ่ายค่าเช่า และมีกำหนดจะให้ออกจากห้องพักในวันพรุ่งนี้ (6 ก.ค.) จึงอาจเป็นเหตุทำให้เกิดความเครียดได้ 

 

 

          ต่อมาเวลา 16.00 น. วันที่ 5 ก.ค. พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น. เปิดเผยว่า ที่เกิดเหตุพบศพผู้หญิง 1 ศพซึ่งเป็นผู้ดูแลอาคารดังกล่าว และทราบว่าผู้ก่อเหตุอยู่บนชั้น 3 ของอาคาร เมื่อตนมาถึงจึงได้จัดชุดเข้าไปพูดคุยต่อรองกับนายปิยวัฒน์ เมษศิริฤกษ์ อายุ 56 ปี ผู้ต้องหา จากการพูดคุยในเบื้องต้นนายปิยวัฒน์ไม่ยอมจึงได้ประสานหาญาติ ก็ไม่เป็นผลเนื่องจากญาติไม่มา ทั้งนี้ทางนายปิยวัฒน์ได้ขอเวลาเจ้าหน้าที่ถึงช่วงเวลา 15.00 น. ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่พยายามพูดคุยเจรจาแต่นายปิยวัฒน์ไม่ยอมพูดคุยเจรจา จู่ๆก็มีเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด จากนั้นเพียง 10 นาทีตนจึงตัดสินใจให้หน่วยอินทราชเข้า เมื่อเข้าไปและได้พิสูจน์ทราบตามขั้นตอน พบว่านายปิยวัฒน์ได้วิบากกรรมตัวเองเสียชีวิต โดยใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่ศรีษะ 1 นัด และได้นอนทับอาวุธปืนที่ก่อเหตุอยู่ 

 

 

          พล.ต.ท.ชาญเทพ ยืนยันด้วยว่า ได้ปฎิบัติการตามยุทธวิธีทั้งหมด ส่วนสาเหตุน่าจะเกิดจากความเครียดประกอบกับนายปิยวัฒน์เป็นคนมีนิสัยใจร้อนและมีปัญหาเรื่องเงินเรื่องทองกับผู้ดูแลบ้าน เนื่องจากนายปิยวัฒน์ได้พักอาศัยอยู่ที่อาคารดังกล่าวมาประมาณ 10 ปี ไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร คงกินมรดกเก่าและได้เลิกกับภรรยาที่มีลูกด้วยกัน 2 คน
 

            ส่วนที่ว่านายปิยวัฒน์ เป็นอดีตตำรวจเก่าที่หนีคดีมานั้น พล.ต.ท.ชาญเทพ กล่าวว่า ขอตรวจสอบประวัติก่อน เพราะยังไม่ทราบ และขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบประวัติลึกๆ ลงไป และยังไม่ยืนยันว่าเป็นอดีตตำรวจเก่าหรือไม่
 

 

           พล.ต.ท.ชาญเทพ กล่าวอีกว่า จากการพูดคุยกับเพื่อนบ้านทราบว่าเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 4 ก.ค. เพื่อนบ้านได้ยินเสียงปืนดังขึ้น และประตูห้องล็อค ซึ่งนายปิยวัฒน์ก็ไม่ได้หลบหนีไปไหนขังตัวอยู่ในห้องพัก ทั้งนี้ผู้ก่อเหตุได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับลูกชายระบุว่า “พ่อคงอยู่ไม่นาน” พร้อมทั้งเขียนจดหมายลาตายสั่งเสียวางไว้บนหัวเตียง ระบุข้อความว่า “ของนี้ถ่ายภาพไว้หมดแล้ว ใครอย่ามาแตะต้อง”
  

 

          พล.ต.ท.ชาญเทพ กล่าวอีกว่า ที่มีเสียงดังคล้ายระเบิด 1 ครั้งและมีเสียงดังตามมาอีก 4-5 ครั้งนั้น ยืนยันว่าไม่มีการใช้อาวุธปืน เป็นเพียงการใช้สตั๊นบอมที่จะดังต่อเนื่องกันเป็นเสียงปังปังปัง เป็นไปตามยุทธวิธีของตำรวจเนื่องจากไม่สามารถปล่อยไว้ได้หลังจากมีเสียงปืนเกิดขึ้นมา ตนต้องตัดสินใจระงับเหตุที่อาจก่ออันตรายขึ้นมา การตรวจสอบที่เกิดเหตุพบอาวุธปืนจำนวน 4 กระบอก ซึ่งจะต้องตรวจสอบว่ามีใบอนุญาตถูกต้องหรือไม่ต่อไป
 

 

          จากนั้นทางตำรวจ หน่วยเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (EOD) พร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และแพทย์ รพ.ศิริราช ได้เดินทางมายังที่เกิดเหตุ เพื่อทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุดังกล่าว นอกจากนี้มีรายงานข่าวแจ้งว่า ระหว่างที่ตำรวจบุกเข้าไปในห้องพักพบว่านายปิยวัฒน์ นอนตะแคงเสียชีวิตในห้องพักดังกล่าวอยู่แล้ว
  

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ในขณะที่ พล.ต.ท.ชาญเทพ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ พยายามเข้าเกลี้ยกล่อม นายปิยวัฒน์ ผู้ก่อเหตุให้วางปืนและเปิดประตูห้องพักออกมามอบตัวผ่านทางการพูดคุยเจรจา เนื่องจากนายปิยวัฒน์ ปิดโทรศัพท์มือถือ ไม่ยอมติดต่อสื่อสารกับผู้ใด ปรากฏว่า ระหว่างนั้นมีเสียงปืนดังสวนออกมาจากห้องพักของนายปิยวัฒน์ จำนวน 1 นัด จนเจ้าหน้าที่ต้องพากันล่าถอยออกมา โดยทิ้งกำลังเจ้าหน้าที่ชุดอรินทราช 26 ซึ่งเตรียมความพร้อมเอาไว้.