"บิ๊กโจ๊ก" บุกรวบแก๊งชาวจีนใช้ไทยเป็นฐานก่ออาชญากรรม ปั่นหุ้น-เทรดหุ้น ทำตลาดหุ้นประเทศจีนเสียหายกว่าหมื่นล้านบาท
26 มิ.ย. 61 เมื่อเวลา 16.00 น. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทท. สปพ. บช.สตม. และ สน.พระโขนง ร่วมกันนำหมายศาลจังหวัดพระโขนงเข้าตรวจค้นบ้านพัก 2 หลัง ในพื้นที่ย่านประเวศ หลังพบว่ามีชาวจีนจำนวนมากมีพฤติกรรมน่าสงสัยว่าจะเข้ามาเช่าพักอาศัย เพื่อใช้เป็นที่ทำการในการปั่นหุ้น เทรดหุ้น ในตลาดหุ้นประเทศจีน จนเกิดความเสียหายเป็นมูลค่า 1 หมื่นล้านบาท
โดยจุดแรกเจ้าหน้าที่นำหมายศาล จ.พระโขนง เลขที่ 64/2561 ลงวันที่ 26 มิ.ย. 61 เข้าตรวจค้น บ้านเลขที่ 1/46 หมู่บ้าน ณ นครินทร์ ซ.สุภาพงษ์ 3 แขวงหนองบอล เขตประเวศ กทม. จากการตรวจสอบพบเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น 1 คูหา ภายในบ้านชั้น 2 พบชาวจีน จำนวน 16 คน แบ่งเป็นชาย 15 คน หญิง 1 คน นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ กำลังใช้โปรแกรมออนไลน์ตรวจสอบตารางหุ้นตลาดหลักทรัพย์ในประเทศจีน จึงได้ทำการควบคุมตัวทั้งหมดพร้อมกับตรวจยึดเครื่องคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ 15 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค 7 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ จำนวน 99 เครื่อง และซิมโทรศัพท์มือถือยี่ห้อต่างๆ จำนวน 156 หมายเลข ที่อยู่ภายในบ้านทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน
ขณะที่เจ้าหน้าที่อีกส่วนหนึ่งนำหมายค้นศาล จ.พระโขนง ที่ 65/2561 ลงวันที่ 26 มิ.ย. 61 เข้าตรวจค้น บ้านเลขที่ 49 ซ.สุภาพงษ์ 1 แยก 6 แขวงหนองบอล เขตประเวศ กทม. จากการตรวจสอบเป็นบ้านเดี่ยวแบบโมเดิร์น สูง 4 ชั้น ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 200 ตารางวา มีรั้วรอบขอบชิด ภายในบ้านตกแต่งคล้ายกับสำนักงานออฟฟิศทั่วไป ตรวจสอบภายในบ้านพบชายชาวจีนจำนวน 5 คน พักอาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบคอมพิวเตอร์จำนวน 9 เครื่อง และจอคอมพิวเตอร์อีกจำนวน 20 เครื่อง โทรศัพท์มือถือยี่ห้อต่างๆ จำนวน 194 เครื่อง และซิมโทรศัพท์มือถือ 3,680 หมายเลข จึงได้ยึดไว้เป็นหลักฐาน ทั้งนี้ บ้านทั้ง 2 หลังมี น.ส.ภิรญา หรือ เจ๊แอนนา เตชชินสิริกุล อายุ 45 ปี เข้ามาแสดงตัวเป็นผู้เช่าให้ชาวจีนทั้งหมดพักอาศัย
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จากการสืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาชาวจีนทั้ง 21 คน ทยอยเดินทางเข้าไทยโดยวีซ่านักท่องเที่ยว ในช่วงเดือน ก.พ. 2561 ที่ผ่านมา จากนั้นได้แจ้งเปลี่ยนแปลงวีซ่าเป็นประเภทนักเรียน โดยอ้างว่าจะเข้าเรียนต่อที่ จ.พระนครศรีอยุธยา แต่ปรากฏว่าไม่ได้มีการไปเรียนตามที่มีการแจ้งไว้ แต่กลับมากระทำความผิดดังกล่าวแทน โดยการหลอกชักชวนคนจีนในไทยและคนจีนในประเทศจีนมาลงทุนเล่นหุ้น ผ่านทางแอปพลิเคชัน วีแชท และคิวคิว แบบกลุ่ม จากนั้นก็จะแนะนำการเล่นหุ้น การเทรดหุ้น ซึ่งอ้างว่าจะได้ผลกำไรสูง โดยผู้ต้องหาจะทำตัวเป็นโบรกเกอร์เถื่อน เชียร์ให้เหยื่อลงทุนซื้อหุ้นจีน ซึ่งเป็นหุ้นราคาถูกเพื่อปั่นราคาหุ้นให้กระเตื้องขึ้นมา เมื่อมีผู้หลงเชื่อซื้อหุ้นดังกล่าวมากขึ้น ผู้ต้องหากลุ่มนี้ก็จะทำการเทขายหุ้นทั้งหมดของตนเองที่มีอยู่จนทำให้ตลาดหุ้นเกิดความผันผวน ซึ่งการกระทำดังกล่าวนั้นถือเป็นการสร้างความเสียหายให้กับตลาดหุ้นจีนเป็นมูลค่ามหาศาล ส่วนสาเหตุที่ผู้ต้องหาเลือกไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด เนื่องจากว่าประเทศไทยมีสัญญาณ 4G แรงและเข้าออกสะดวก ยากต่อการตรวจสอบ
จากการสอบสวน น.ส.ภิรญา ได้ให้การว่า เป็นเพียงนายหน้าคอยหาที่อยู่อาศัยให้กับชาวจีนกลุ่มนี้ เนื่องจากมีคนมาติดต่อตนให้หาบ้านเช่าให้กับผู้ต้องหาชาวจีน โดยไม่ทราบว่าเช่าไปใช้ทำอะไร รู้เพียงว่าใช้เป็นที่เก็บของ ตนจึงได้ไปทำการติดต่อขอเช่าบ้านทั้ง 2 หลังให้กับผู้ต้องหากลุ่มนี้ โดยบ้านหลังใหญ่นั้นเช่าในราคา 1 แสนบาทต่อเดือน ขณะที่อาคารพานิชย์นั้นเช่าในราคา 3 หมื่นบาทต่อเดือน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ และเชื่อว่า น.ส.ภิรญา น่าจะมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับขบวนการดังกล่าวนี้ด้วย เบื้องต้น จึงแจ้งข้อกล่าวหา ให้ที่พักพิงบุคคลต่างด้าว โดยไม่แจ้งการเข้าอยู่ ส่วนผู้ต้องหาชาวจีนทั้งหมดหลังจากนี้จะประสานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเพิกถอนวีซ่าชาวจีนทั้งหมด และแจ้งข้อหา ชักชวน ชักจูงให้มีการซื้อหุ้น โดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ตลาดหลักทรัพย์ ขณะที่ในส่วนคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือของกลางทั้งหมดนั้น เบื้องต้น จะทำการตรวจสอบข้อมูลภายในอย่างละเอียด เพื่อขยายผลหาความเชื่อมโยงไปยังผู้ร่วมขบวนการรายอื่นๆ
ต่อมาเมื่อเวลา 18.00 น. วันเดียวกัน พ.ต.ท.อาริศ คูประสิทธิ์รัตน์ รอง ผกก.สายตรวจ บก.สปฟ. พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจ กก.สส.2 สตม. และ สน.สายไหม ร่วมกันนำหมายค้นจากศาลอาญา ที่ 243/2561 ลงวันที่ 25 มิ.ย. 2561 เข้าตรวจค้น บ้านเลขที่ 99/105 หมู่บ้านจิรทิพย์ ถนนสุขาภิบาล 5 แขวงคลองถนน เขตสายไหม กทม. ภายหลังสืบทราบว่ามีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนมาหลบพักอาศัยโดยมีพฤติกรรมจำหน่ายไอดีผู้ใช้โปรแกรมวีแชท (wechat) เพื่อนำมาปั่นหุ้นหลอกชาวจีนที่อยู่ในประเทศไทยและชาวจีนในแผ่นดินใหญ่
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยวสูง 2 ชั้น มีรั้วรอบขอบชิด เนื้อที่ประมาณ 65 ตารางวา จากการตรวจค้นพบผู้ต้องหาสัญชาติจีน รวม 10 ราย แบ่งเป็นชาย 9 ราย และหญิง 1 ราย พร้อมของกลางคอมพิวเตอร์ 7 เครื่อง โดยตั้งวางอยู่ที่ห้องรับแขกพร้อมใช้งาน 4 เครื่อง และอยู่ในกล่อง 3 เครื่อง เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดร่วมกันเดินทางเข้าประเทศไทยมาเมื่อช่วงเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา โดยใช้วีซ่านักท่องเที่ยว ก่อนมาเช่าบ้านหลังเกิดเหตุในราคาเดือนละ 30,000 บาท ซึ่งพักอาศัยอยู่รวมกันได้ประมาณ 1 เดือน จนกระทั่งมาถูกจับกุมได้ดังกล่าว เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้เพิกถอนวีซ่าและคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่ง บช.สตม. เพื่อสอบสวนขยายผลอีกครั้ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง