ทนายความฮึ่มบอยคอตตำรวจ ขู่ไม่ขอร่วมงานสอบสวน ด้านสภาทนายฯ หวั่นลุกลามนัดเคลียร์"จักรทิพย์" ด้าน ปธ.สมาพันธ์ฯ ร้องกองปราบเอาผิดชุดจับกุม"ทนายสุกิจ"
จากกรณีตำรวจกองปราบปรามเข้าควบคุมตัว นายสุกิจ พูนศรีเกษม ทนายความชื่อดัง ในคดีบุกรุกพื้นที่ป่า จ.ตาก และร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง(ไก่ฟ้าหลังเทา) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะพา น.ส.แสงสุริยเทพ พระมหาสุริยา อายุ 49 ปี หรือ ร่างทรง 4จี ลูกความ ไปแจ้งความที่ สน.พหลโยธิน ให้ดำเนินคดีนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ กับพวกรวม 3 คน ในข้อหาดูหมิ่นด้วยการโฆษณา เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน ซึ่งการเข้าจับกุมนั้น ทำให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางว่า เป็นการกระทำที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ ล่าสุด สมาพันธ์ทนายความฯ เข้าแจ้งความเอาผิดกับตำรวจชุดจับกุม ขณะที่สภาทนายความฯ นัดพูดคุยกับ ผบ.ตร.เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ก่อนที่เรื่องราวจะบานปลาย
เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน นายสรัลชา ศรีชลวัฒนา เลขาธิการสภาทนายความฯ กล่าวว่า ดร.ถวัลย์ รุยาพร นายกสภาทนายความฯ ได้ประสานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอเข้าพบพูดคุยในประเด็นดังกล่าวเพื่อไม่ให้เรื่องบานปลาย เนื่องจากทนายความทั่วประเทศมีทีท่าไม่พอใจกรณีดังกล่าว โดยทนายความจำนวนมากส่งหนังสือและข้อความแสดงท่าทีไม่พอใจมา แต่เราก็ต้องตระหนักและไม่อยากให้เรื่องบานปลายจนกระทบต่อการทำงานระหว่าง 2 องค์กร ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกระบวนการยุติธรรมและต่อประชาชน ขณะนี้เรายังคิดว่าสามารถคุยกันได้เพราะทำงานร่วมกันมาโดยตลอด ส่วนจะเป็นวันไหนต้องดูรายละเอียดจากคณะทำงานที่เป็นผู้ประสานไปอีกครั้ง นอกจากพบปะกันเพื่อพูดคุยกรณีนี้แล้ว จะมีการพูดคุยถึงเรื่องการทำงานและข้อขัดข้องที่จะต้องทำงานร่วมกันอื่นๆ ด้วย คาดว่าก่อนที่จะมีการประชุมคณะทำงานประจำเดือนของสภาทนายฯ ทั้ง 25 คน ก็จะนำเรื่องนี้มาพิจารณาในวันที่ 28-29 มิถุนายน ซึ่งก็อาจจะได้ผลการพูดคุยเจรจาของผู้นำทั้งสององค์กรมาประกอบการพิจารณา ก่อนที่จะมีมติและท่าทีอย่างไรต่อไป
“ตอนนี้อาจเป็นช่วงที่สถานการณ์ยังร้อน แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ถ้าเราทำอะไรไปเลยโดยไม่คิดก่อนแล้วบอยคอต ไม่ส่งทนายไปนั่งร่วมสอบสวนก็จะกระทบต่องานยุติธรรมอย่างมาก ประชาชนเดือดร้อน แต่อยากให้เพื่อนทนายทั่วประเทศรู้ไว้ว่าไม่ใช่เราไม่ทำอะไรเลยแต่เราต้องมองหลายด้าน ทางตำรวจเองก็คงรู้ว่าทำอะไรลงไป ทั้งทนายและตำรวจก็มีคนดีไม่ดีอยู่ในองค์กร” เลขาธิการสภาทนายความฯ กล่าว
เลขาธิการสภาทนายความฯ กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามกระทำตามกฎหมายนั้น นายสรัลชา กล่าวว่า ตรงนี้ที่ทำให้ทนายความทั่วประเทศข้องใจว่าทำไม ผบ.ตร.ไม่ตำหนิลูกน้อง แต่กลับบอกว่าทำตามกฎหมาย แม้กฎหมายจะเขียนไว้ ก็จะต้องดูด้วยว่าการกระทำนั้นสมควรเหมาะสมพอดีหรือไม่
แฟ้มภาพ
“ต้องดูลึกๆ ผบ.ตร.ก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ อย่ามัวแต่ฟังลูกน้องใกล้ชิด ควรดูเหตุการณ์ให้ละเอียดก่อนว่า ถ้าเป็นประชาชนธรรมดาโดนกระทำแบบนี้จะทำอย่างไร ถูกตำรวจอ้างว่ามีหมายจับ แต่กระทำการเยอะไปแบบนี้ ไม่ใช่มีอำนาจตามกฎหมายอยู่ในมือจะกระทำกับทนายความซึ่งเป็นประชาชนทั่วไปแบบนี้ได้ ตรงนี้ถือเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีที่ควรจะอบรมลูกน้อง เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์แม้จะมีอารมณ์ก็ต้องอดทนบ้าง ต้องนึกถึงว่าผู้ถูกกระทำเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่ควรได้รับการปฏิบัติเหมือนมนุษย์ ประชาชนจะได้รู้ว่าตำรวจเห็นคุณค่าความเป็นมนุษย์อยู่บ้าง กระทำตามกฎหมายที่สมควรแก่เหตุ” เลขาธิการสภาทนายความฯ กล่าว
วันเดียวกัน นายวรกร พงศ์ธนากุล ประธานสมาพันธ์ทนายความแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย นายบุญชัย วสุนธรา ประธานที่ปรึกษาสมาพันธ์ทนายความฯ และทนายความ กว่า 10 คน เดินทางไปที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) และเข้าพบ พ.ต.ท.มิ่งมนตรี ศิริพงษ์ รอง ผกก.(สอบสวน) กก.1 บก.ป. เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดี พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบก.ป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ป.ชุดจับกุม ซึ่งเข้าจับกุมนายสุกิจ พร้อมแถลงการณ์ในนามสมาพันธ์ทนายความฯ ในกรณีที่เกิดขึ้น
นายวรกร กล่าวว่า กรณีการเข้าจับกุมนายสุกิจ ของตำรวจ บก.ป.ตามที่ปรากฏคลิปภาพทางสื่อมวลชนถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก ว่ามีการกระทำการที่รุนแรง มีการฉุดแขน ดึงรั้ง กระชาก กดตัวให้คว่ำหน้า นั่งชันเข่าทับศีรษะเพื่อจะใส่กุญแจมือ ทั้งที่ปฏิบัติการเกิดขึ้นภายหลังมีการควบคุมหรือจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว และอยู่ในสถานที่ราชการ นอกจากนี้นายสุกิจเองก็มีอายุมาก ร่างกายก็ไม่แข็งแรงคือรูปร่างอ้วน เจ้าหน้าที่กลับลุแก่อำนาจ เป็นการละเมิดสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ นอกจากนี้ยังเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 29 วรรคสาม ที่ระบุว่า การควบคุมหรือคุมขังผู้ต้องหาหรือจําเลยให้กระทําได้เพียงเท่าที่จําเป็น เพื่อป้องกันมิให้มีการหลบหนี
“ทนายความก็คือประชาชนคนหนึ่ง พวกผมก็ไม่ได้เรียกร้องเพียงเพื่อทนายความด้วยกันเท่ากัน แต่เป็นการป้องกันไม่ให้ตำรวจทำอะไรตามอำเภอใจ และหากเป็นการกระทำในที่ลับตาจะเป็นเช่นไร” นายวรกร กล่าวและว่า พวกตนจึงเห็นสมควรว่าจะต้องร้องทุกข์กล่าวโทษให้มีการพิจารณาเอาผิดดังกล่าว
ขณะที่ นายบุญชัย กล่าวเสริมว่า การกระทำลักษณะนี้จะต้องถูกตรวจสอบเพราะหากทางสมาพันธ์ทนายความฯ นิ่งเฉย ไม่เพียงแต่จะเกิดการกระทำต่อทนายความเท่านั้น แม้แต่ประชาชนทั่วไปก็อาจต้องรับสภาพการกระทำที่เกินสมควรแก่เหตุ ปราศจากความรับผิดชอบ เนื่องจากเจ้าหน้าที่มือหนึ่งนั้นถือปืน อีกมือก็ถือกฎหมาย กรณีที่เกิดขึ้นได้โทรศัพท์สอบถามนายสุกิจซึ่งยังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว แม้ว่าจะไม่ได้รับมอบอำนาจให้แจ้งความดำเนินคดี แต่พวกตนเข้ามาร้องทุกข์กล่าวโทษสามารถดำเนินการได้ และหากทางตำรวจไม่รับพิจารณา ก็มีช่องทางอื่น เนื่องจากยังมีหน่วยงานที่พร้อมจะให้ความเป็นธรรม เช่น กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รวมทั้งในวันที่ 22 มิถุนายนนี้ ก็จะเข้าร้องทุกข์ต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อไป
ด้าน พ.ต.ท.มิ่งมนตรี กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องไว้ ก่อนจะนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป
ต่อมา พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบก.ป.หนึ่งในเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทนายสุกิจ กล่าวว่า การที่ทางสมาพันธ์ทนายความแห่งประเทศไทย หรือกลุ่มทนายความต่างๆ ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อจะให้มีการเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมของกองปราบฯ นั้นก็ถือเป็นสิทธิส่วนตัวที่พวกเขาพึงกระทำได้ แต่ตนเองก็ยังคงมั่นใจและไม่ได้เป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด เพราะตนเองและเจ้าหน้าที่ทุกคนปฏิบัติหน้าที่ตามขั้นตอนถูกต้องภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมายอยู่แล้ว และไม่มีการใช้อาวุธหรือใช้กำลังเกินเลยแต่อย่างใด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง