'บิ๊กโจ๊ก' แถลงจับ 2 สาวจีน สวมบัตร ปชช.คนไทย เปิดบริษัททัวร์ทำธุรกิจทัวร์ศูนย์เหรียญ ส่วนอีกรายขับแท็กซี่ในจังหวัดตาก เร่งขยายผลจับผู้เกี่ยวข้อง
“รอง ผบช.ทท. ” แถลงรวบ 2 สาวชาวจีน สวมบัตรประชาชนคนไทย เปิดบริษัททัวร์-ขับแท็กซี่ ทั้งสองยังให้การภาคเสธ เผยสถิติจับสวมบัตร ปชช.ปลอม จดทะเบียนนำเที่ยวในไทยกว่า 50 ราย
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเวลา 14.45 น. วันที่ 21 มิถุนายน 2561 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รอง ผบช.ทท.) พร้อมตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจ 191 แถลงการจับกุมผู้ต้องหาชาวจีนที่สวมบัตรประชาชนคนไทย ผู้ต้องหา 2 ราย โดยรายแรก คือ นางสาวนงลักษณ์ ชาวโพธิ์เอน ชาวจีนฮ่อ จับกุมได้เมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา ย่านบางเขน โดยมีพฤติการณ์ความผิด คือเดินเท้าเข้ามาในประเทศไทย ผ่านอำเภอพบพระ จังหวัดตาก จากนั้นได้ว่าจ้างคนไทยให้รับรองเป็นบุตร เพื่อทำบัตรประชาชนไทย และได้รับสัญชาติไทย ก่อนที่จะนำมาเปิดบริษัท ไทยหยวน ทราเวล (ไทยแลนด์) จำกัด ในปี 2538
จากนั้นติดต่อประสานไปยังกลุ่มนายทุนชาวจีน ให้นำนักท่องเที่ยว มาเที่ยวในประเทศไทย เป็นลักษณะทัวร์ศูนย์เหรียญรูปแบบหนึ่ง ก่อให้เกิดความสูญเสียกับประเทศไทย จากการที่นักท่องเที่ยวไม่ซื้อสินค้า บริการของไทย นอกจากนี้ยังพบว่ามีการใช้บริการไกด์นำเที่ยวชาวจีน เข้ามาทำงานในไทย เป็นลักษณะไกด์เถื่อนอีกด้วย
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งข้อกล่าวหา แจ้งข้อความอันเป็นเท็จกับเจ้าพนักงาน , ใช้หรืออ้างเอกสารราชการปลอม และยื่นคำขอมีบัตรโดยมิได้มีสัญชาติไทยด้วยการแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จ พร้อมทั้งจะเร่งขยายผลจับกุมชาวไทยที่รับรองการเป็นบุตรของนางสาวนงลักษณ์ มาดำเนินคดีตามกฎหมาย ในข้อหาสนับสนุนให้มีการทำผิดต่อไป
รอง ผบช.ทท. กล่าวว่า ส่วนผู้ต้องหาอีก 1 ราย เจ้าหน้าที่สามารถจับกุม นางสาวอาพู่ ใจซื่อ อายุ 43 ปี ในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งมีลักษณะการกระทำผิด คือ สวมบัตรประชาชนชาวไทยปลอมในลักษณะเดียวกันอีก 1 ราย โดยนำบัตรประชาชนปลอมมาประกอบธุรกิจขับรถแท็กซี่ในจังหวัดตาก ซึ่งจากการสอบสวน พบว่ามีข้าราชการเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิด โดยขณะนี้ข้าราชการคนดังกล่าว ถูกศาลพิพากษาจำคุก 6 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหา เช่นเดียวกับนางสาวนงลักษณ์
อย่างไรก็ตาม จากการสอบปากคำพบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ยังให้การภาคเสธ จึงได้นำของใช้ส่วนตัวไปตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ เพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานต่อไป ทั้งนี้ในช่วงปี 2558-ปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ทำผิดในข้อหาสวมบัตรประชาชนปลอม เพื่อมาจดทะเบียนบริษัทนำเที่ยวในประเทศไทย ได้กว่า 50 ราย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง