ป.ป.ส. รวบเครือข่ายค้ายานรกหนีหลบซ่อนตัวในเมียนมา ยึด 'โซเดียมไซยาไนด์' 15 ตัน ทรัพย์สิน 20 ล้านบาท
ป.ป.ส. แถลงจับผู้ต้องหาเครือข่ายค้ายาหนีซ่อนตัวในเมียนมา ยึดทรัพย์ 20 ล้านบาท ยึด “โซเดียมไซยาไนด์” วัตถุอันตรายชนิดที่ 3 สามารถนำไปผลิตยาบ้าได้ร่วม 300 ล้านเม็ด
ที่ศูนย์ปฏิบัติการ อาคาร 2 ชั้น 4 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส. ) เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 10 มิถุนายน 2561 นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบก.ปส.3 นายถาวร เนียมนำ ผอ.สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. และนายเดชา วิชัยดิษฐ์ ผอ.การสืบสวนปราบปราม 3 กรมศุลกากร ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย
แถลงผลการจับกุมบุคคลตามหมายจับคดียาเสพติดที่หลบหนีไปเข้าไปในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และกรณีตรวจยึดโซเดียมไซยาไนด์ ที่ลักลอบนำเข้าประเทศเมียนมา อย่างผิดกฏหมาย
นายศิรินทร์ยา กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อเดือนพฤษภาคม 2561 สำนักงาน ป.ป.ส. ได้รับการประสานจากศุลกากรด่านเชียงแสน ว่ามีการขออนุญาตส่งออก สารโซเดียมไซยาไนด์ จากประเทศไทย ไปยังย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา โดยจะลำเลียงผ่านแม่น้ำโขง
แต่ด่านศุลกากรเชียงแสน ไม่อนุญาตให้ส่งออก เนื่องจากตามข้อตกลงว่าด้วยการเดินเรือพาณิชย์ในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง ห้ามนำโซเดียมไซยาไนด์ (Sodium Cyanide) ซึ่งเป็นวัตถุอันตราย ขนส่งทางแม่น้ำโขง บริษัทผู้ส่งออกจึงได้นำสารดังกล่าวเก็บไว้ที่โกดังในพื้นที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย
นายศิรินทร์ยา กล่าวต่อว่า สำหรับโซเดียมไซยาไนด์ (Sodium Cyanide) เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535 ควบคุมโดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม การผลิต การนำเข้า การส่งออก หรือการมีไว้ในครอบครองต้องได้รับใบอนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม และตามคำสั่ง คสช. ที่ 32/2559 จัดเป็นสารในบัญชี 2 ลำดับที่ 6 ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ส. ได้ขอความร่วมมือกับหน่วยงานด้านความมั่งคงให้เฝ้าระวังการนำเข้า-ส่งออกสารดังกล่าว
ต่อมาเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. มีการนำสารโซเดียมไซยาไนด์ จำนวน 300 ถัง รวมน้ำหนักประมาณ 15 ตัน มูลค่าประมาณ 1,500,000 บาท ส่งออกไป อ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ซึ่งด่านศุลกากรแม่สาย ได้ทำการตรวจผ่านสินค้าดังกล่าว พบว่ามีใบอนุญาตนำเข้า-ส่งออกของกรมโรงงานอุตสาหกรรม ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ส. และด่านศุลกากรแม่สาย ได้ประสานให้หน่วยปราบปรามยาเสพติดของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา (CCDAC) ประจำจังหวัดท่าขี้เหล็ก ทำการตรวจสอบอีกครั้ง และพบว่าไม่มีใบอนุญาตนำเข้าไปในประเทศเมียมมาโดยถูกต้องตามกฎหมาย และเชื่อว่าเป็นการลักลอบเพื่อนำไปผลิตยาเสพติด เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึดโซเดียมไซยาไนด์ (Sodium Cyanide) ของกลางและรถบรรทุก พร้อมควบคุมตัวนายสวัสดิ์ แก้วดำ อายุ 41 ปี ชาวเชียงราย ดำเนินคดีตามกฏหมายเมียนมา ข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย และไม่ขออนุญาตนำวัตถุอันตรายเข้าในประเทศ
นายศิรินทร์ยา กล่าวอีกว่า จากการสอบสวนนายสวัสดิ์ ทราบว่า ได้รับการว่าจ้างให้นำสารโซเดียมไซยาไนด์ ของกลางไปส่งยังเหมืองทองคำ ในย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา ซึ่งโซเดียมไซยาไนด์ ที่ส่งไปจะนำไปใช้เป็นตัวแยกแร่ทองคำ อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบพบว่ามีการขอนำเข้ามาจากประเทศจีน เพื่อนำส่งไปยังย่างกุ้ง แต่กลับนำเข้าทางด้าน อ.ท่าขี้เหล็ก ซึ่งไกลกว่า ทำให้พบข้อพิรุธว่าอาจจะนำไปใช้ผลิตสารตั้งต้นเฟลิน-2 - โพรพาโนน (P2P) ก่อนจะนำไปผลิตเป็นเมตแอมเฟตามีน เพื่อนำไปผลิตเป็นยาเสพติด ซึ่งหากนำโซเดียมไซยาไนด์ จำนวน 15 ตัน ไปผลิตเป็นยาไอซ์ จะได้จำนวน 9,500 กิโลกรัม และหากนำไปผลิตเป็นยาบ้าจะได้จำนวน 295 ล้านเม็ด ก็จะมีมูลค่ามหาศาล
นายศิรินทร์ยา ยังกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ไทยและเมียนมา ให้ความสำคัญกับการควบคุมเคมีภัณฑ์และสารตั้งต้น รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิต โดยเห็นชอบที่จะร่วมกันสืบสวนปราบปรามสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ที่ลักลอบนำเข้าไปยังแหล่งผลิตยาเสพติดในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำให้เพิ่มมากขึ้น โดยให้มีการประสานงานระหว่างหน่วยงานในพื้นที่ระหว่างกันได้โดยตรง เพื่อสามารถดำเนินการได้อย่างทันท่วงที และได้แลกเปลี่ยนส่งมอบข้อมูลหมายจับผู้กระทำผิดเพื่อดำเนินการติดตามผู้ต้องหาระหว่างกัน
นายศิรินทร์ยา กล่าวอีกว่า โดยเมื่อวันที่ 31 พ.ค. ที่ผ่านมา หน่วยปราบปรามยาเสพติดของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา (CCDAC) ประจำจังหวัดท่าขี้เหล็ก จับกุมนายเจริญ เกียรติพรพานิช อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับศาลอาญาที่ 10/2560 ลงวันที่ 13 มกราคม 2560 ข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฏหมาย และร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) โดยผิดกฏหมาย ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือข่ายนายยุทธ จันแก้ว อายุ 60 ปี และพวกรวม 4 คน ที่ถูกสำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ ดีเอสไอ จับกุมพร้อมของกลางไอซ์ 20 กิโลกรัม ยึดทรัพย์สินมูลค่า 10,000,000 บาท และขยายผลออกหมายจับข้อหาสมคบ รวม 3 คน คือ นายนรินทร์ จันทร์บำรุง อายุ 34 ปี นายนริศร วัชรีนันท์ อายุ 41 ปีและนายสาม ทองเงิน 34 ปี โดยสามารถติดตามจับกุมได้ทั้งสามราย ตรวจยึดอายัดทรัพย์สินมูลค่ารวม 35,000,000 บาท เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2557
จากการสอบสวนทราบว่า นายเจริญ เป็นบุคคลในเครือข่าย ทำหน้าที่เก็บรักษาและลักลอบส่งมอบยาเสพติดให้กับลูกค้า ได้หลบหนีไปอยู่ในพื้นที่จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา จึงได้ประสานงานไปยังหน่วยปราบปรามยาเสพติดเมียนมา (CCDAC) จนสามารถติดตามจับกุมนายเจริญ ได้พร้อมของกลาง เงินสด (ธนบัตรรัฐบาลไทย) จำนวน 4.2 ล้านบาท เงินสด (ธนบัตรเมียนมา) จำนวน 8.445 ล้านจ๊าด หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 201,560 บาท ทองรูปพรรณ 25 บาท รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลพาร์ด จำนวน 1 คัน รวมมูลค่า 8 ล้านบาท ณ จังหวัดท่าขี้เหล็ก สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และ ป.ป.ส. ได้ทำการตรวจค้นและยึดทรัพย์สินของนายเจริญ ที่อยู่ในประเทศไทย ได้แก่ รถยนต์ 3 คัน รถจักรยานยนต์ 8 คัน โฉนดที่ดิน 2 แปลง ทองคำ เงินสด บัญชีธนาคาร กระเป๋าแบรนด์เนม และเครื่องประดับ รวมมูลค่าประมาณ 12,000,000 บาท มูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้ทั้งหมดรวม 20,000,000 บาท ทั้งนี้จะประสานทางการเมียนมา ส่งตัวนายเจริญ กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง