ข่าว

จ่อหมายจับเพิ่ม 2 ผู้ต้องหาเอี่ยวทุจริตเงินทอนวัด!!

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

จ่อออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอย่างน้อย 2 คน หลังสอบพบสองสามีภรรยาเจ้าของร้านสังฆภัณฑ์เอี่ยวคดีเงินทอนวัด กองปราบประสาน ป.ป.ง. อายัดบัญชีธนาคารพระ-ฆราวาส 90 วัน

 

              ตำรวจกองปราบประสาน ป.ป.ง. อายัดบัญชีธนาคารส่วนตัว พระและฆราวาส เป็นเวลา 90 วัน ตรวจสอบเส้นทางการเงิน เตรียมออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอย่างน้อย 2 คน หลังสอบพบสองสามีภรรยาเจ้าของร้านสังฆภัณฑ์เอี่ยวคดีเงินทอนวัด 

 

               วันที่ 5 มิถุนายน 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีเงินทอนวัด ว่า ขณะนี้ทางตำรวจกองปราบปราม ยังไม่ได้รับการประสานจาก คณะเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูง ที่เดินทางไปรับตัวอดีตพระพรหมเมธี อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฟอกเงิน ว่าจะเดินทางกลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทยเมื่อใด 

 

               ทั้งนี้มีรายงานว่า การนำตัวอดีตพระพรหมเมธี กลับมาดำเนินคดี อาจจะต้องใช้เวลานานกว่าที่คาดเอาไว้ เนื่องจากจะต้องจัดการเกี่ยวกับเรื่องเอกสาร ส่วนกระแสข่าวที่ว่าอดีตพระพรหมเมธี มีการขอยื่นลี้ภัยทางการเมืองกับทางการเยอรมนีนั้น ตามขั้นตอนผู้ต้องหารายนี้ก็สามารถที่จะทำได้ อยู่ที่ทางการเยอรมนีจะรับพิจารณาหรือไม่ อย่างไรก็ตามตำรวจไทยมีความพยายามที่จะนำตัวกลับมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุดตามขั้นตอน

 

               รายงานข่าวแจ้งว่า ในส่วนของสำนวนการสอบสวนคดีเงินทอนวัดนั้น อยู่ในขั้นตอนตรวจสอบเอกสารที่ยึดมาได้จากการตรวจค้นวัดต่างๆ และพนักงานสอบสวน ยังได้ประสานงานเจ้าหน้าที่ ป.ป.ง. ให้อายัดบัญชีธนาคารทุกบัญชีที่เป็นบัญชีส่วนตัวของผู้ต้องหาทั้งหมด ทั้งที่เป็นพระและเป็นฆราวาส เป็นเวลา 90 วัน แต่ไม่ได้อายัดบัญชีของวัด เพื่อตรวจสอบเส้นทางทางการเงินอย่างละเอียด

 

               นอกจากนี้มีรายงานว่า การตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดสามพระยาวรวิหาร พนักงานสอบสวนเตรียมที่จะออกหมายจับผู้ต้องหาอีกอย่างน้อย 2 คนที่เกี่ยวกับการทุจริตเงินทอนวัด หลังพบว่าสองสามีภรรยาเจ้าของร้านสังฆภัณฑ์แห่งหนึ่ง มีเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับวัดสามพระยา และไม่สามารถชี้แจงที่มาที่ไปได้ ซึ่งเป็นเงินจำนวนมากถึง 3 ล้านบาท

 

               ส่วนการดำเนินคดีกับผู้ที่ให้ความช่วยเหลืออดีตพระพรหมเมธี หลบหนีออกนอกประเทศนั้น ทางกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหาชาวไทย 2 คน และชาวลาวอีก 3 คน ฐานกระทำความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 189 ที่ระบุว่า ผู้ใดช่วยผู้อื่น ซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด เพื่อไม่ให้ต้องโทษหรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใดเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

               โดยมีรายงานว่า ผู้ที่ถูกแจ้งความดำเนินคดีนั้น ประกอบด้วย นางจันทนา และลูกชาย ชาวลาว 2 คน ส่วนคนไทย 2 คน ประกอบด้วย สีกาจุ๋ม เจ้าแม่ตลาดหุ้น และนายโค๊ด หลานชายของอดีตพระพรหมเมธี ที่เป็นผู้ติดตามไปประเทศเยอรมนี แต่ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ยังไม่ออกหมายจับ

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ