ข่าว

"บิ๊กแป๊ะ" สั่งสอบคดี ร.ต.อ.ตบบ้องหูและพยายามข่มขืนสาว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รอง โฆษก ตร. ระบุ "บิ๊กแป๊ะ" สั่งสอบสวนคดี ร.ต.อ.ตบบ้องหู-พยายามข่มขืนสาว ยืนยันเป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวข้องกับองค์กร ผิดจริงไม่ปล่อยเอาไว้

 

          2 มิถุนายน 2561 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงประเด็นที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าว หญิงสาวร้องขอความเป็นธรรม ถูกตำรวจ ตบบ้องหูจนแก้วหูฉีก และจะข่มขืน เหตุเกิดท้องที่ สภ.เมืองราชบุรี ว่า เรื่องนี้ได้รับรายงานจากกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรีว่า มีหญิงสาวผู้เสียหายถูก ร.ต.อ.สนธยา เย็นใจ (ผู้ต้องหา) ซึ่งคบหาเป็นเพื่อนได้ประมาณ 3 เดือน ได้โทรศัพท์ชักชวนผู้เสียหายให้ออกไปงานเลี้ยงสังสรรค์กับเพื่อน โดยให้ผู้เสียหายขับรถยนต์ไปรับ และมานั่งดื่มสุรากันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง

          จากนั้นผู้เสียหายจึงได้ชวน ร.ต.อ.สนธยา กลับบ้าน เนื่องจากเห็นว่าดึกแล้ว จนทำให้เกิดความไม่พอใจ และได้มีปากเสียงกัน พร้อมทั้งมีการทำลายทรัพย์สิน และทำร้ายร่างกาย โดยใช้มือตบไปที่ใบหน้าของผู้เสียหาย จากนั้นได้ขับรถพาผู้เสียหายไปที่โรงแรมแห่งหนึ่ง และพยายามพาผู้เสียหายเข้าไปยังห้องพัก แต่ผู้เสียหายดิ้นรนขัดขืน พร้อมกับร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ และเกิดการทำร้ายร่างกายขึ้นอีก และผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บที่บริเวณใบหน้า ต่อมาผู้เสียหายอาศัยจังหวะที่ ร.ต.อ.สนธยา ไปเข้าห้องน้ำ จึงได้วิ่งออกจากห้องพักและได้ขับรถหลบหนีออกมา จากนั้นจึงได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองราชบุรี เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ร.ต.อ.สนธยา ตามกฎหมาย
    
          อย่างไรก็ตาม ภายหลังรับแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองราชบุรี พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ฯ จึงได้เดินทางไปตรวจสถานที่เกิดเหตุ และทำการบันทึกการตรวจสถานที่เกิดเหตุ วาดแผนที่เกิดเหตุ และถ่ายภาพสถานที่เกิดเหตุ พร้อมส่งตัวผู้เสียหายไปรักษาอาการที่โรงพยาบาลราชบุรี
   
          เบื้องต้น แพทย์โรงพยาบาลราชบุรีได้วินิจฉัยอาการบาดเจ็บ พบว่ามีรอยฟอกช้ำบริเวณข้อมือและต้นแขน และมีเยื่อหูข้างซ้ายฉีกขาดและแก้วหูข้างซ้ายทะลุ ต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาไม่น้อยกว่า 6 เดือน ต่อมาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2561 พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวให้ ร.ต.อ.สนธยา ได้รับทราบ ในความผิดฐาน “กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยขู่เข็นด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ , พาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจาร ขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้าย หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการใด , กักขังหรือหน่วงเหนี่ยวผู้อื่นให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายสาหัส” และเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2561 สภ.ปากท่อ ได้มีคำสั่งแต่งตังคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ร.ต.อ.สนธยา ในฐานความผิดดังกล่าวว่ามีมูลหรือไม่ พร้อมกับได้มีคำสั่งให้ไปรักษาการณ์ในตำแหน่ง รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.ดำเนินสะดวก ซึ่งอยู่นอกพื้นที่ที่รับราชการปกติ
   

          รองโฆษก ตร. กล่าวด้วยว่า คดีนี้มีความคืบหน้าไปมาก พนักงานสอบสวนยังคงต้องรอผลการชันสูตรบาดแผลจากแพทย์ และผลพิมพ์มือผู้ต้องหา จากทะเบียนประวัติอาชญากร ซึ่งในเรื่องนี้เป็นความผิดต่อส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับองค์กรแต่อย่างใด สำหรับความผิดดังกล่าว ให้ดำเนินการไปตามพยานหลักฐาน หากมีข้าราชการตำรวจกระทำความผิด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะไม่มีการปกป้องอย่างแน่นอน ซึ่งที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้สั่งการข้าราชการตำรวจทุกนายไม่ให้กระทำผิดกฎหมาย หรือเข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมาย เสียเอง พร้อมกำชับให้ผู้บังคับบัญชาหมั่นตรวจสอบ สอดส่องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีพฤติการณ์เข้าไปเกี่ยวข้องกับกระทำผิดกฎหมายต่างๆ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประพฤติปฏิบัติตนนอกแถวจะดำเนินการทางวินัยและทางอาญาอย่างเด็ดขาด ไม่ปล่อยไว้อยู่แล้ว เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เสื่อมเสียชื่อเสียงองค์กรต่อไป

  

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ