สาวร้องกองปราบถูก"ร.ต.อ."ทำร้าย-หวังข่มขืน

          เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 มิ.ย. ที่ กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) นายรณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรม พร้อมด้วย ผู้เสียหาย น.ส.เอ(นามสมมติ) ผู้ช่วยเภสัชกรณ์ อายุ 47 ปี จ.ราชบุรี เดินทางยืนหนังร้องขอความเป็นธรรมกับ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. หลังผู้เสียหายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยศร้อยเอก ใน จ.ราชบุรี ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสและพยามที่จะข่มขืนในภายในรีสอร์ทแห่งหนึ่ง แต่สามารถหลบหนีออกมาได้ และได้แจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สภ.เมืองราชบุรี ตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด

          นายรณรงค์ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นคืนวันที่ 27 เม.ย. ผู้เสียหายรายนี้ได้ไปกินข้าวที่ร้านอาหารในตัวเมืองราชบุรีกับนายตำรวจคนนี้ แต่ในระหว่างการรับประทานอาหารทางผู้เสียหายได้ขอตัวกลับก่อน โดยเดินกลับมาที่รถแต่ทางตำรวจรายนี้ได้เดินตามมาและทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ ต่อมาได้ขับรถพาผู้เสียหายเข้าไปในรีสอร์ทแห่งหนึ่ง และพยามจะข่มขืน ซึ่งทางผู้เสียหายได้ขัดขืนจนทำให้นายตำรวจไม่พอใจจึงได้ทำร้ายร่างกายซ้ำทำให้เลือดออกที่ใบหูด้านซ้าย และฟกช้ำตามตัว กระทั้งต่อมาเจ้าของรีสอร์ทได้เข้ามาช่วยเหลือห้ามไม่ให้นายตำรวจรายนี้ทำร้าย แต่นายตำรวจยังคงกักตัวไว้ภายในห้อง ซึ่งผู้เสียหายก็ได้พยามหาช่องทางหลบหนีจนกระทั้งสามารถออกมาได้

          นายรณรงค์ กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับนายตำรวจรายนี้ไว้ที่ สภ.เมืองราชบุรี แต่ก็ไม่มีความคืบหน้า อีกทั้งยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบเข้ามาพบผู้เสียหายที่บ้านเพื่อที่จะขอให้ผู้เสียหายถอนแจ้งความและไม่เอาเรื่องดังกล่าว ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการคุกคามพยาน จึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามเข้าไปทำคดี

          ด้าน น.ส.เอ เปิดเผยว่า ได้รู้จักกับนายตำรวจคนนี้หลังจากไปแจ้งความคดีฉ้อโกงที่ สภ.ปากท่อ จ.ราชบุรี โดยนายตำรวจคนดังกล่าวเป็นเจ้าของคดี ต่อมาได้มีการพูดคุยกันทั้งเรื่องคดีความและเรื่องส่วนตัว ซึ่งทางนายตำรวจยังได้เอ่ยปากขอจีบเป็นแฟนอีกด้วย แต่อย่างไรก็ดีตนมาทราบภายหลังว่ามีครอบครัวอยู่แล้วจึงได้ตีตัวออกห่างไม่พูดคุยในเชิงชู้สาวอีกต่อไป ซึ่งในวันเกิดเหตุก็ไม่คาดคิดว่าทางตำรวจคนนี้จะมีพฤติกรรมที่รุนแรง

          เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำและตรวจหลักฐานที่ผู้เสียหายนำมามอบให้ ก่อนที่จะนำเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาต่อไป