ข่าว

"คดีเงินทอนวัด"พบ พระผู้ใหญ่ฉาวมั่วสีกา– ประพฤติตนไม่เหมาะสม

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"คดีทุจริตเงินทอนวัด" บานปลาย เมื่อพบพระชั้นผู้ใหญ่รูปหนึ่ง มั่วสีกา มีสัมพันธ์ชู้สาวกับหมอนวดแผนโบราณ ตั้งเงินเดือนให้ ส่งเรียนเสริมสวย มีเพศสัมพันธ์ในกุฏิวัด

    รายงานข่าวจากสืบสวนใน"คดีเงินทอนวัด" แจ้งว่า พระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่ถูกจับกุมในคดีเงินทอนวัดในครั้งนี้ มีพฤติการณ์ยักยอกถ่ายเทเงินจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โอนไปยังญาติโยมที่เป็นผู้หญิง จึงเป็นประเด็นที่มากกว่าการเจตนาทุจริตหรือไม่ เนื่องจากพระเถระดังกล่าวมีความสนิทกับสตรีมากกว่าญาติโยมเพศชาย

        และจากการสืบสวนในเชิงลึกของชุดสืบสวนที่ดำเนินการมาก่อนหน้านี้ พบว่าพระผู้ใหญ่บางรูปที่ถูกออกหมายจับนั้นมีพฤติกรรมเสพเมถุนและบางองค์เข้าข่ายประพฤติตนไม่เหมาะต่อการเป็นสมณเพศ
       รายข่าวจากแหล่งข่าวเปิดเผยอีกว่า จากการสืบสวนคดีทุจริตเงินทอนวัดพบว่า พระผู้ใหญ่รูปหนึ่งที่ถูกออกหมายจับในครั้งนี้ นอกจากมีการทุจริตเงินวัดแล้วยังมีพฤติกรรมเสพเมถุนเข้าข่ายอาบัติปาราชิกด้วย เนื่องจากแนวทางการสืบสวนพบว่าพระผู้ใหญ่คนดังกล่าวมีความใกล้ชิดกับสีกาคนหนึ่งปัจจุบันอายุประมาณ 50 ปี ซึ่งเคยทำอาชีพหมอนวดแผนโบราณ

      โดยทางชุดสืบสวนได้ทำการสอบปากคำพร้อมกับบันทึกคำให้การเป็นหลักฐาน ซึ่งหญิงคนดังกล่าวให้การว่า เมื่อ 2-3 ปีก่อน ได้ประกอบอาชีพเป็นหมอนวดแผนโบราณในสถานบริการแห่งหนึ่ง จากนั้นได้มีพนักงานในสถานบริการแนะนำให้รู้จักกับพระผู้ใหญ่คนดังกล่าว แต่ตอนนั้นหญิงหมอนวดไม่ทราบว่าเป็นพระเนื่องจากการมาจะสวมชุดซาฟารีสวมหมวกแก๊ปมาหาตนในสถานบริการ และเรียกแทนตัวเองว่า “เฮีย” ซึ่งได้มีการเข้ามาใช้บริการอยู่หลายครั้งในช่วงเวลากลางคืน ก่อนที่ชายที่เรียกแทนตัวเองว่า “เฮีย” จะขอมีเพศสัมพันธ์ในสถานบริการเพื่อแลกกับเงิน 30,000 บาท ซึ่งผู้หญิงคนนี้ก็ยินยอมเนื่องจากครอบครัวมีปัญหา เพราะถูกสามีทิ้งและมีลูกชายเป็นเด็กพิการ 

       รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ช่วงหลังหญิงคนนี้เริ่มสงสัยในพฤติกรรมของ “เฮีย” เนื่องจากการพบกันแต่ละครั้งชายคนนี้มีท่าทีหลบๆซ่อนๆ และพยายามจะบอกความจริงกับหญิงหมอนวด จนต่อมาพระผู้ใหญ่คนดังกล่าวก็ยอมบอกว่าตัวเองเป็นพระสงฆ์แอบออกจากวัดมาหา ซึ่งครั้งแรกที่หมอนวดหญิงได้ยินก็รู้สึกตกใจมาก

      นอกจากจะบอกความจริงแล้วทางพระผู้ใหญ่ยังได้เสนอเงินเดือนให้เธอเพื่อแลกกับการไม่ต้องทำอาชีพหมอนวด โดยจะจ่ายให้เดือนละ 30,000 บาท และพร้อมจ่ายค่าใช้จ่ายอื่นๆให้อีก อีกทั้งยังเสนอว่าจะส่งให้ไปเรียนเสริมสวยและเปิดร้านเสริมสวยให้ด้วย ซึ่งหมอนวดหญิงรายนี้จึงตกลงรับข้อเสนอ จากข้อมูลชุดนี้ทางชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ไปยังโรงเรียนเสริมสวยที่หมดนวดดังกล่าวอ้างถึง ก็พบว่ามีชื่อเคยเรียนอยู่จริงตรงกับคำให้การทุกอย่าง
 
       นอกจานี้ยังมีรายงานว่า หลังจากที่หมอนวดหญิงได้เข้าเรียนที่โรงเรียนเสริมสวยแล้ว พระผู้ใหญ่ก็ได้ให้ลูกศิษย์ชายคนสนิทมารับเธอไปพบถึงกุฏิภายในวัด โดยก่อนเข้าทุกครั้งจะมีการดูลาดเลาอาศัยช่วงปลอดคนไม่มีใครเห็นอยู่หลายครั้งมีช่วงกลางวันและกลางคืน โดยการเข้าพบพระผู้ใหญ่รายนี้จะให้เธอบีบนวด ก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์กันภายในวัด

       โดยเธอยอมรับว่ารู้สึกละอายแก่ใจอย่างมากที่ต้องทำเช่นนี้เนื่องจากบางครั้งระหว่างการมีเพศสัมพันธ์กันนั้นทางวัดได้มีกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาอย่างเช่น นั่งสมาธิ เดินจงกลม แต่ด้วยความจำเป็นเรื่องต้องใช้เงินเลี้ยงดูลูกพิการเธอจึงจำยอมเพื่อแลกกับเงิน นานวันขึ้นการที่ได้หลับนอนหลายครั้งจึงทำให้เธอรู้สึกชอบพอกับพระผู้ใหญ่คนดังกล่าวอย่างจริงจัง

        นอกจากนี้บางวันที่เธอไม่มีโอกาสเข้าไปหาพระคนดังกล่าวที่วัด ก็จะมีการโทรศัพท์พูดคุยกันและบางครั้งพระผู้ใหญ่ยังได้ชักชวนให้เล่น “เซ็กซ์โฟน” อีกด้วย ซึ่งเธอก็ทำตาม อย่างไรก็ตามช่วงปีที่ผ่านมาพระผู้ใหญ่คนนี้ได้พยายามตีตัวออกห่างเธอรวมถึงไม่ให้เข้าพบและหลบหน้า โดยต่อมาจึงรู้ว่าพระผู้ใหญ่ที่ตนหลงรักไปแล้วไปมีหญิงอื่นและยังมีผู้หญิงอีกหลายคนด้วย
        รายงานข่าวยังแจ้งด้วยว่า นอกจากพระผู้ใหญ่รูปนี้แล้ว พระผู้ใหญ่อีก 2 รูปที่ถูกออกหมายจับในครั้งนี้ก็มีความสนิทสนมกับสีกามากเกินความจำเป็นและบางครั้งเต็มไปด้วยพิรุธ อย่างเช่นพระรูปหนึ่งนอกจากจะมีการถ่ายเทเงินให้กับสีกาแล้วยังมีการเดินทางไปต่างประเทศด้วยกันปีละกว่า 10 ครั้งแต่ละครั้งแม้ว่าจะมีบุคคลอื่นติดตามไปด้วยแต่เมื่อตรวจสอบที่นั่งโดยสารย้อนหลังแล้ว พบว่าที่นั่งติดกันเสมอ นอกจากนี้ยังมีการเข้าพบหากันสองต่อสองในยามวิกาลอีกด้วย  

    มีรายงานด้วยว่า การเข้าตรวจค้นกุฏิพระผู้ใหญ่หลังหนึ่งที่ถูกออกหมายจับเมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น เจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้นพบแผ่นวีซีดีหนังลามกอนาจารจำนวนหนึ่งซุกซ่อนอยู่ในกุฏิด้วย ทั้งนี้ในทางคดีกรณีมีเพศสัมพันธ์นั้นพนักงานสอบสวนไม่สามารถดำเนินคดีได้เพราะการที่จะจับพระสึกจากสมณเพศโดยการกระทำผิดเนื่องจากประพฤติอาบัติปาราชิกซึ่งเป็นความผิดขั้นสูงสุดนั้นจะต้องจับขณะที่พระสงฆ์กำลังเสพสังวาส ซึ่งเป็นเรื่องยากเพราะเป็นเรื่องของการสมยอมระหว่างคนสองคน

      อย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวนก็สอบปากคำพยานและบันทึกหลักฐานต่างๆไว้เป็นหลักฐานแล้ว และอาจจะส่งประกอบสำนวนให้กับพนักงานอัยการด้วยก็เป็นได้ ขึ้นอยู่กับในที่ประชุมพนักงานสอบสวนซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาในการตรวจสำนวนสักระยะหนึ่ง

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ