ข่าว

เชื่อ2พระเถระผู้ใหญ่อยู่ในไทยกล่อมมอบตัวสู้คดีเงินทอนวัด

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ฐิติราช" เจรจาคนใกล้ชิด "พระพรหมสิทธิ-พระพรหมเมธี" ให้เข้ามอบตัวสู้คดีเงินทอนวัด สั่งตม.สกัดหลบหนีออกนอก พร้อมเข้าค้นอีกรอบวัดสระเกศ-วัดสัมพันธวงศ์

     ความคืบหน้าคดีเงินทอนวัดหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นและนิมนต์ 5 พระชั้นผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องไปดำเนินคดีนั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. เปิดเผยถึงความคืบหน้าการบุกเข้าตรวจค้น 3 วัดดังในกรุงเทพฯ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีเงินทอนวัด ได้แก่ วัดสระเกศราชวรวิหาร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย, วัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร เขตสัมพันธวงศ์ และวัดสามพระยาวรวิหาร เขตพระนคร ว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธ ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามตัวพระ 2 รูปที่หลบหนี คือ พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) เจ้าคณะภาค 10 และ พระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม กรรมการ มส. และเจ้าคณะภาค 4-7 เมื่อมีการออกหมายจับ เจ้าหน้าที่จะประสานเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองลงรายชื่อขึ้นแบล็กลิสต์ไม่ให้ออกนอกประเทศ หากมีการเดินทางไปที่ไหนก็จะขึ้นว่ารายชื่อดังกล่าวมีหมายจับก็ไม่สามารถเดินทางได้ ส่วนจะอยู่ในประเทศหรือนอกประเทศนั้นไม่สามารถระบุได้ 

     นอกจากนี้ ที่มีกระแสข่าวออกมาว่า พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศ หลบหนีไปที่ประเทศสิงคโปร์แล้วนั้น ขอให้เวลาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบก่อน ส่วนที่กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพได้ว่ามีรถกระบะสีดำมารอรับเจ้าอาวาสวัดสระเกศเพื่อหลบหนีนั้นก็ต้องตรวจสอบก่อนเพราะหลักฐานบางส่วนก็โดนลบไปบ้างแล้ว

    เชื่อ2พระเถระผู้ใหญ่อยู่ในไทยกล่อมมอบตัวสู้คดีเงินทอนวัด  

     ต่อมาเวลา 14.00 น. พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป. นำกำลังตำรวจ กก.3 บก.ป. พร้อมหมายค้นเข้าตรวจค้นวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร แขวงและเขตสัมพันธวงศ์ กทม. อีกรอบเพื่อค้นหาหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งเมื่อวานนี้ได้เข้าตรวจค้นเพื่อจับกุมพระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส ในข้อหาร่วมกันฟอกเงินแต่ไม่พบตัว ขณะที่เวลา 15.00 น. พ.ต.ท.กิตติเมศร์ โชติปิติเจริญรัฐ สว.กก.1 บก.ป. นำกำลังเข้าค้นกุฏิฉัตรลีลา ที่พักของพระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร โดยเน้นในส่วนของเอกสารทางการเงินทั้งหมดและวัตถุพยานจำพวกดีเอ็นเอ 

     ด้านลูกศิษย์วัดกล่าวว่า กรณีบัญชีของเจ้าอาวาสมีเงินฝากกว่า 132 ล้านบาทเป็นเงินบริจาคเพื่อบูรณะบำรุงวัดเท่านั้น ไม่ได้มีการใช้จ่ายส่วนตัว ส่วนประตูลับที่เสนอข่าวว่าเป็นทางหลบหนีเป็นความเข้าใจผิด เพราะใช้สำหรับขนวัสดุก่อสร้าง และเชื่อว่าเจ้าอาวาสวัดสระเกศไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศแน่นอน

ชี้หลบในประเทศประสานมอบตัว

     ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(บช.ก.) พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีเงินทอนวัดว่า ยังมีภารกิจบางส่วนที่ยังไม่เรียบร้อย อาทิ การติดตามเป้าหมายที่ยังไม่ได้ตัวอีก 2 ราย คือ พระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสระเกศ และพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ อยากให้ทั้ง 2 รูปมามอบตัวดีกว่า เพราะเคยมีคุณงามความดี แต่ไม่ขอกล่าวถึงรายละเอียดของคดี ยังอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน ทั้งนี้สิ่งที่เจ้าหน้าที่ทำมีเพียงเรื่องเดียวคือต้องบังคับใช้กฎหมาย เพราะมีความไม่งดงามในสมณเพศทำให้พระพุทธศาสนาเสียหาย และยืนยันว่าทั้งหมดเป็นการดำเนินการภายใต้ข้อมูลของตำรวจที่มี

     ผบช.ก.กล่าวว่า ยอมรับว่าในการตรวจค้นวัดทั้ง 3 แห่งเมื่อวานนี้ พบหลักฐานอื่นๆ ด้วย มีทั้งที่ไม่เหมาะสมกับสมณเพศ แต่ไม่ขอเปิดเผย อยู่ระหว่างพิจารณาว่าต้องนำไปสู่การแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมหรือไม่ ทั้งนี้ตำรวจทำอะไรก็ตระหนักเสมอว่ายังมีลูกศิษย์ลูกหาของพระแต่ละรูปที่ยังมีความศรัทธาอยู่

เชื่อ2พระเถระผู้ใหญ่อยู่ในไทยกล่อมมอบตัวสู้คดีเงินทอนวัด

     ส่วนการติดตามจับกุมพระอีก 2 รูปที่หลบหนีนั้น ผบช.ก.กล่าวว่า ยืนยันว่าทั้ง 2 รูปยังอยู่ในประเทศไทย ตอนนี้ก็ใช้วิธีการเจรจาพูดคุยกับคนใกล้ชิด ซึ่งตำรวจก็ให้เกียรติท่านได้มีโอกาสมอบตัว เพราะน่าจะเป็นสิ่งที่งดงามมากกว่า ไม่ขอเปิดเผยว่ามีการประสานอย่างไร เอาเป็นว่ามีการเจรจาประสานระหว่างกัน มีแนวโน้มเป็นไปในทิศทางที่ดี อยากให้มาพิสูจน์ตัวเองเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม 

      "ยอมรับพระมีหลายรูปแบบที่ตรวจสอบพบ บางรูปก็นอกลู่นอกทาง แสวงหาผลประโยชน์ในทางมิชอบ ในกลุ่มศิษยานุศิษย์ก็มีด้วย คนที่ติดตามข่าวก็ต้องติดตามอย่างมีสติ ย้ำว่าตำรวจดำเนินการโดยเอาพยานหลักฐานเป็นตัวตั้ง ไม่ได้ทำอะไรนอกเหนือเหตุผล ไม่ได้เลือกปฏิบัติ ใครผิดก็ต้องถูกดำเนินคดี ขอให้แยกแยะ” ผบช.ก.กล่าว และว่า วันนี้ได้ขออนุมัติหมายค้นเพิ่มเติม 2 จุด คือ ในวัดสระเกศ และวัดสัมพันธวงศ์ เพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม หลังจากนี้คงมีอะไรทำอีกเยอะอย่างไรก็ตามตอนนี้ยังไม่ขอเปิดเผยว่ามีใครเข้ามาเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดอีกบ้าง ต้องขยายผล ตอนนี้เพิ่งเริ่มต้น

     ด้าน พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าเจ้าหน้าที่พบเบาะแสสำคัญเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดภายในวัดสระเกศ ที่บันทึกภาพรถตู้สีดำขับมาจอดบริเวณด้านข้างกุฏิเจ้าอาวาส และคาดว่าน่าจะเป็นคันที่พาหนีออกไปก่อนเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นในวัดว่า ขอยืนยันว่ารถคันดังกล่าวไม่ใช่รถที่ใช้พาหลบหนีการจับกุม แต่ขับเข้ามารับช่วงเวลา 11.00 น.ของวันที่ 23 พฤษภาคม เพื่อพาไปทำกิจของสงฆ์ที่พุทธมณฑล จ.นครปฐม ก่อนขับกลับมาส่งที่วัดอีกครั้งช่วงประมาณเที่ยงของวันเดียวกัน จากนั้นได้ฉันภัตตาหารเพลก่อนกลับกุฏิแล้วหลบหนีไป

ป.ป.ช.ถกคดีพระสัปดาห์หน้า

     ด้านนายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีการแสวงหาข้อเท็จจริงคดีทุจริตเงินทอนวัด ในสำนวนที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ส่งมาให้ในลอตที่มีพระผู้ใหญ่ในมหาเถรสมาคม (มส.) ถูก พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษว่า ได้มีคำสั่งด่วนให้เจ้าหน้าที่ในคณะทำงานแสวงหาข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวรีบดำเนินการสรุปเรื่องเพื่อเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.ชุดใหญ่พิจารณาในสัปดาห์หน้า ส่วนจะเป็นการประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.ในวันพุธที่ 30 หรือ 31 พฤษภาคม ก็ต้องแล้วแต่ประธานคณะกรรมป.ป.ช.จะเป็นผู้บรรจุวาระการประชุม ทั้งนี้สั่งให้เจ้าหน้าที่สรุปเสนอกรรมการป.ป.ช.พิจารณาสัปดาห์หน้า และได้ให้ประสานข้อมูลกับตำรวจกรณีที่เป็นข่าวดังว่ามีส่วนเกี่ยวโยงอย่างไรหรือไม่กับเรื่องที่ปปป.ส่งมา

มั่นใจไม่กระทบพระพุทธศาสนา

เชื่อ2พระเถระผู้ใหญ่อยู่ในไทยกล่อมมอบตัวสู้คดีเงินทอนวัด

     ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการจับกุมพระเถระชั้นผู้ใหญ่ซึ่งเกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินทอนวัดว่า ไม่ทราบจะกระเทือนถึงไหน แต่กระเทือนวงการสงฆ์แน่นอนเป็นเรื่องธรรมดา กระเทือนความรู้สึกพุทธศาสนิกชนบางคนบางกลุ่ม แต่คงไม่กระเทือนพระพุทธศาสนา เพราะยังมั่นคงดีอยู่  หากมีอะไรเป็นเหตุเภทภัยเข้ามากระทบถ้าสามารถลิดรอนหรือกำจัดออกไปได้ก็จะทำให้พระพุทธศาสนาบริสุทธิ์มากขึ้น ทั้งนี้ต้องดำเนินการตามกฎหมายจะไม่ดำเนินการก็ไม่ได้ ถ้าพ้นภัยพ้นปัญหาไปทุกอย่างก็จะกลับมาได้อย่างเดิม แต่ถ้าไม่สามารถต่อสู้ให้พ้นไปได้คดีก็เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไปสู่ศาล

     ต่อข้อถามเหตุการณ์ครั้งนี้จะเป็นบทเรียนวงการสงฆ์หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เป็นบทเรียนที่ควรตระหนัก สังวร และระมัดระวัง ซึ่งพระผู้ใหญ่บางรูปก็ระมัดระวังดีอยู่แล้ว ให้ไปดูพระจริยวัตรของสมเด็จพระสังฆราชสวยสดงดงาม ท่านเตือนอะไรก็เป็นปิยวาจา เมื่อถามว่า หลังจากนี้จะต้องมีการกลั่นกรองการแต่งตั้งพระเถระชั้นผู้ใหญ่หรือไม่ นายวิษณุ ตอบว่า น่าจะต้องเป็นเช่นนั้น

คุกคืนแรกอดีตพระอ่อนเพลีย

     ด้านนายกฤช กระแสทิพย์ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ภายหลังเรือนจำรับตัวอดีตพระพุทธะอิสระและอดีตพระผู้ใหญ่ทั้ง 5 รูป ที่ลาสิกขาหลังศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว จนต้องถูกส่งเข้าคุมขังในเรือนจำ ก็ได้เข้าไปพูดคุยเพื่อแนะแนวการปฏิบัติตัวในเรือนจำ โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาซึ่งเป็นคืนแรกของการคุมขังทุกคนมีสภาพอ่อนเพลีย เพราะถูกนำตัวไปสอบสวนตั้งแต่ช่วงเช้ากระทั่งถูกส่งตัวเข้ามาถึงเรือนจำเวลา 21.00 น. ทำให้เกือบทุกคนนอนไม่หลับจนเช้านี้จึงมีสภาพอิดโรย สำหรับผลการตรวจร่างกายทุกคนมีโรคประจำตัวตามปกติของผู้สูงอายุ เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคความดันโลหิตสูง

     วันเดียวกัน พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้เข้าตรวจความเรียบร้อยในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร พร้อมกล่าวว่า ผู้ต้องขังใหม่หลังจากนี้เชื่อว่าจะค่อยปรับตัวได้ สำหรับเรื่องของเครื่องแต่งกายในช่วงแรกอนุโลมให้ใส่เสื้อยืดสีขาวกางเกงขาสั้นสีขาวไปก่อน เพราะเข้าใจความรู้สึกของผู้ที่บวชเป็นพระมานานต้องการนุ่งขาวห่มขาว เมื่อปรับตัวได้จึงจะให้สวมใส่เสื้อผ้าของเรือนจำ

      ขณะที่กลุ่มลูกศิษย์วัดอ้อน้อย ได้มานั่งรอเข้าเยี่ยม นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตพระพุทธะอิสระ แกนนำ กปปส. ส่วนการรักษาความปลอดภัยบริเวณพื้นที่เรือนจำซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมเป็นไปอย่างเข้มงวดตามปกติ โดยเสริมมาตรการด้วยการนำรถบรรทุกน้ำมาจอดไว้บริเวณประตูทางเข้าเรือนจำและมีตำรวจจากสน.ประชาชื่น ดูแลความสงบเรียบร้อยอยู่ที่หน้าเรือนจำ 

สารภาพคดีปลอมพระปรมาภิไธย

     ด้านกลุ่มลูกศิษย์อดีตพระพุทธะอิสระ ต่างมีความเห็นว่า ปฏิบัติการจับกุมอดีตพระพุทธะอิสระของตำรวจซึ่งนำกำลังพร้อมอาวุธปืนบุกเข้าไปทุบประตูเพื่อจับกุมพระสงฆ์เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ โดยยังมั่นใจว่าอดีตพระพุทธะอิสระจะต่อสู้คดีและกลับมาบวชได้อีกครั้ง

เชื่อ2พระเถระผู้ใหญ่อยู่ในไทยกล่อมมอบตัวสู้คดีเงินทอนวัด

     ต่อมา นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตสมาชิกสภาปฎิรูปแห่งชาติ (สปช.) เปิดเผยภายหลังเข้าเยี่ยมอดีตพระพุทธะอิสระว่า ท่านสุขภาพแข็งแรงดีทุกอย่าง สบายดี ในช่วงแรกนี้ยังไม่รีบร้อนประกันตัว โดยจะขอใช้เวลาปลีกวิเวกและปฏิบัติกรรมฐานจนถึงระยะเวลาที่เหมาะสม ทนายความจะเข้ามาดำเนินการเพื่อต่อสู้คดี สำหรับกรณีการนำกำลังบุกจับกุมที่มีคลิปเผยแพร่ออกมาเห็นว่าค่อนข้างรุนแรง เบื้องต้นกลุ่มศิษย์เสนอให้ดำเนินคดีและทำหนังสือร้องเรียนถึงนายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่อดีตพระพุทธะอิสระไม่ต้องการให้ดำเนินการใดๆ โดยเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ดีแล้ว เป็นไปตามกรรม และเป็นการกำหนดที่เหมาะสมที่สุดเพื่อชำระล้างพระพุทธศาสนา ส่วนประเด็นการลาสิกขาได้สอบถามแล้วยืนยันพระพุทธะอิสระไม่ได้เปล่งวาจาลาสิกขา ซึ่งกรณีดังกล่าวมีเจ้าอาวาสวัดเสมียนนารีเป็นพยานจึงทำให้ยังไม่ขาดจากความเป็นพระภิกษุสงฆ์

     ด้านนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความของอดีตพระพุทธะอิสระ กล่าวถึงการประกันตัวว่า เบื้องต้นอดีตพระพุทธะอิสระจะขอยื่นประกันตัวในชั้นอัยการ ระหว่างนี้ขอให้ตำรวจสรุปสำนวนสอบสวนสั่งฟ้องก่อน โดยในส่วนของการต่อสู้คดีจะแบ่งพิจารณาเป็น 2 ส่วน คือส่วนแรกในคดีทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล อั้งยี่ซ่องโจร สนับสนุนปล้นทรัพย์ ซึ่งปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และขอต่อสู้คดีในชั้นศาลและจะขอใช้หลักทรัพย์เดิมยื่นประกันตัวในชั้นอัยการ

      ส่วนคดีปลอมแปลงและใช้พระปรมาภิไธยโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น อดีตพระพุทธะอิสระยอมรับสารภาพว่าได้เชิญมาใช้จริงแต่ไม่ได้มีเจตนาล่วงละเมิดหรือลบหลู่ซึ่งทีมทนายขอเวลาเตรียมข้อเท็จจริงและหลักฐานข้อกฎหมายประกอบคำรับสารภาพเพื่อขอความเป็นธรรมจากศาล เพราะกรณีนี้มีรายละเอียดมากทั้งเจตนาและวัตถุประสงค์ในการนำไปใช้ ตลอดจนระเบียบของสำนักพระราชวัง ซึ่งบางอย่างยังไม่สามารถเปิดเผยได้

เชื่อ2พระเถระผู้ใหญ่อยู่ในไทยกล่อมมอบตัวสู้คดีเงินทอนวัด

ผบ.ตร.ยันตร.ไม่ได้ทำรุนแรง

      ขณะที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวถึงเสียงวิจารณ์เจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุกรณีคลิปเข้าจับกุมอดีตพระพุทธอิสระ โดยยืนยันว่าการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการถูกต้องเป็นไปตามยุทธวิธี ทั้งนี้ประชาชนอาจยังไม่ชินกับการจับพระ จึงกระทบความรู้สึกบ้าง แต่ต้องเข้าใจด้วยว่าพระสงฆ์ก็มีทั้งพระดีและพระไม่ดี และการปฏิบัติการของตำรวจก็ต้องระมัดระวังตัวซึ่งเป็นไปตามขั้นตอน ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้เลือกปฏิบัติ

ฉบับ นสพ.คมชัดลึก

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ