กิตติรัตน์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ให้กำลังใจ-พูดคุยแกนนำ

      ที่สน.ชนะสงคราม เมื่อเวลา 20.00 น.วันที่ 22 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง สมาชิกพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางมาเพื่อพูดคุยให้กำลังใจกับทางแกนนำ กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ที่ถูกควบคุมตัว โดยบรรยากาศการพูดคุยเป็นแบบกันเอง ไม่ได้ซีเรียสแต่อย่างใด โดยนายกิตติรัตน์ได้พูดคุยตั้งข้อสังเกตุเกี่ยวกับการจับกุมตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้ ว่าการที่ประชาชนกลุ่มคนได้ออกมาเรียกร้องทวงถามถึงการเลือกตั้ง แต่กลับถูกจับกุมดำเนินคดี ตามคำสั่งที่ 3/2558 ของคสช. ซึ่งออกมาตั้งแต่ครั้งยังไม่มีรัฐบาล ซึ่งตัวเองก็ถูกตั้งข้อหาดังกล่าวเช่นกัน จึงอยากเดินทางมาให้กำลังใจ ในฐานะคนเคยรู้จักกัน

     

 

         

      ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เบื้องต้นทางพ.ต.อ.จักรกริศน์ โฉสูงเนิน ผกก.ชนะสงคราม ซึ่งเป็นหน.พงส. รับผิดชอบคดีดังกล่าว เปิดเผยว่า เวลานี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวทั้ง 14 คนไว้ โดยแยกไว้ที่ สน.พญาไท 10 คนและ สน.ชนะสงคราม 4 คน และจะทำการสอบสวนปากคำทั้งหมด โดยจะยังไม่เคลื่อนย้ายไปไหน ในส่วนของการประกันตัวขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณา ว่าจะอนุญาตให้ประกันตัวหรือไม่ เพราะจากพฤติกรรมการกระทำความผิดที่ผ่านและจากข้อหาที่ตั้งไว้ มีอัตราโทษที่ค่อนข้างสูง จึงต้องขอสอบปากคำให้แล้วเสร็จก่อน

      ต่อมาเมื่อเวลา 22.00 น. เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายวิเศษณ์ สังข์วิศิษฏ์ คนขับรถเครื่องขยายเสียง มาสอบปากคำพร้อมแจ้งข้อหา แต่ขณะที่สอบปากคำนายวิเศษณ์ มีอาการความดันสูง จึงต้องเรียกรถพยาบาล มาดำเนินการพาตัวไปรักษาต่อที่รพ.วชิรพยาบาล ซึ่งนอกจากนายวิเศษณ์ แล้วยังมีนายนิกร วิทยาพันธุ์ อีก 1 ใน 4 ผู้ต้องหาที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ชนะสงครามควบคุมตัวมา ก็มีอาการความดันโลหิตสูง เนื่องจากมีโรคประจำตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวทั้ง 2 คนไปยังโรงพยาบาลทันที

    

        รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้ง 5 ข้อหากับแกนนำ ได้แก่ ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ยุยงปลุกปั่น, มาตรา215 วรรคแรก มั่วสุมเกินกว่า10คนขึ้นไปหรือกระทำการให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง, วรรค3 เป็นหัวหน้าหรืิอเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการกระทำความผิดนั้น, มาตรา 216 เมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุม เพื่อกระทำความผิดตาม ป.อาญา ม.215 ให้เลิกไปแล้วไม่เลิก, ข้อหาขัดคำสั่ง คสช. ที่ 3/2558 ร่วมกันมั่วสุม หรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆ ที่มีจำนวนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป และข้อหาตามพ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา108 เดินแถวเป็นขบวนแห่ หรือเดินเป็นขับวนใดๆ ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางทางจราจร

     ในส่วนของผู้ที่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมแต่ไม่ได้เป็นแกนนำในการชุมชนนั้น ทางเจ้าหน้าที่แจ้งเพียง 4 ข้อหา คือ ความผิดตามมาตรา 215 วรรคแรก มั่วสุมเกินกว่า10คนขึ้นไปหรือกระทำการให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง,มาตรา 216 เมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุม เพื่อกระทำความผิดตาม ป.อาญา ม.215 ให้เลิกไปแล้วไม่เลิก, ข้อหาขัดคำสั่ง คสช. ที่ 3/2558 ร่วมกันมั่วสุม หรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆ ที่มีจำนวนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป และข้อหาตามพ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522