พ่อชาวสวิตเซอร์แลนด์ 4 ลูกครึ่งตกตึก ควงทนาย โร่แจ้งความตำรวจ เมียชาวไทยกีดกันไม่ให้พบหน้า-พูดคุยลูกที่เหลืออีก 3 คน วอนเห็นแก่ลูกอยากได้อะไรให้บอกมา
17 พ.ค. 61 เมื่อเวลา 10.20 น. ที่ สน.หัวหมาก นายมาร์เชล เลออง โบเรล อายุ 50 ปี สัญชาติ สวิตเซอร์แลนด์ พ่อของเด็ก 4 พี่น้อง พร้อมด้วย นางนฎกร ผลสนอง ทนายความส่วนตัว และนางนวพร เบรดี้ เพื่อนของนายมาร์เชล ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.นพพร ศรีสุชาติ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.หัวหมาก เพื่อเข้าร้องทุกข์ภายหลังถูก นางรัตติกาล ประกายแก้ว อายุ 36 ปี กีดกันจนไม่สามารถเข้าเยี่ยมลูกทั้ง 3 คน ที่ประสบอุบัติเหตุพลัดตกตึก ซึ่งยังรักษาตัวอยู่ที่ รพ.แพทย์ปัญญา และ รพ.รามคำแหง
นางนฎกร กล่าวว่า ขณะนี้ยังมีเด็กที่พักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.แพทย์ปัญญา จำนวน 2 คน คือ ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 11 ปี และ ด.ช.บี อายุ 10 ปี ส่วนอีก 1 คน คือ ด.ญ.ซี (นามสมมติ) อายุ 7 ปี รักษาตัวอยู่ห้องไอซียู รพ.รามคำแหง ก่อนหน้านี้มีการทำหนังสือข้อตกลงในการเข้าเยี่ยมเด็กทั้ง 3 คน ซึ่งทุกครั้งที่ทนายไปด้วยจะสามารถเข้าเยี่ยมได้ โดยเมื่อวันที่ 8 พ.ค. ที่ผ่านมา ทางนายมาร์เชลไม่ทันได้เตรียมตัว จึงได้ติดต่อทางผู้อำนวยการโรงพยาบาลเพื่อแจ้งให้ทราบว่าได้มีการตกลงกับนางรัตติกาล แม่ของเด็กอย่างไรบ้าง
และถ้าทางแพทย์ให้ความเห็นว่า สามารถเข้าไปเยี่ยมได้ โดยอยู่ในความดูแลของทางโรงพยาบาล ในขณะเข้าไปเยี่ยม ซึ่งทางผู้อำนวยการโรงพยาบาลแพทย์ปัญญา ได้เห็นข้อตกลงแล้ว จึงได้มอบอำนาจให้หัวหน้าวอร์ดชั้น 3 ให้เป็นเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลระหว่างที่พ่อเข้าไปเยี่ยม ทางคุณปู่ คุณย่า ลุง ป้า และพี่สาวต่างมารดา พร้อมนายมาร์เชล จึงได้ทยอยเข้าไปเยี่ยม แต่หลังจากวันนั้น ทุกคนไม่มีโอกาสได้เข้าไปเยี่ยมอีกเลย ซึ่งในวันนั้นเกิดการโต้เถียงกัน เพราะก่อนจะถึงวันนั้น คุณปู่ คุณย่า ได้เดินทางไปเยี่ยมกันเอง แต่เนื่องจาก ผอ.โรงพยาบาล ไม่อยู่ จึงได้แค่ไปแอบมองผ่านช่องกระจกใสๆ เล็กๆ
"ทุกคนได้เข้าไปมอง เห็นเพื่อนน้องคุยอยู่กับน้อง เมื่อก้มมองดูแสดงว่า เด็กสามารถพูดคุยได้ นางรัตติกาล ยังอนุญาตให้เพื่อนลูกเข้าไปคุยได้ แต่นายมาร์เชล และคุณปู่ ทำได้เพียงแค่แอบมอง ทำให้วันที่ 8 จึงเกิดการโต้เถียงกัน"
นางนฎกร กล่าวอีกว่า หลังเกิดการโต้เถียงกัน นางรัตติกาลก็ยังไม่ยอมอีก ตนจึงบอกว่าให้ใจเย็นๆ ก่อน ตนในฐานะทนาย การที่ให้เพื่อนของลูกเข้าเยี่ยมได้ แสดงว่าเด็กสามารถพูดคุยได้ วันนั้นที่มาดูกัน นายมาร์เชลก็ไม่เห็นลูก เนื่องจากเพื่อนลูกบังหมด แสดงว่าลูกสามารถพูดคุยได้ใช่ไหม ทำไมนางรัตติกาลจึงไม่ให้นายมาร์เชลเข้าไปเยี่ยม วันที่ 8 ทุกคนจึงมีโอกาสได้เข้าไปเยี่ยม โดยทางนางรัตติกาลได้ให้นายมาร์เชลเข้าเยี่ยมและได้บันทึกภาพวิดีโอไว้ เพื่อให้เห็นว่านางรัตติกาลได้ให้นายมาร์เชลเข้าเยี่ยมเด็กแล้ว ซึ่งภาพที่ปรากฏในวันนั้น เด็กได้พูดคุยกับนายมาร์เชลเป็นอย่างดี ไม่มีอาการโต้ตอบ ต่อต้าน หรือปฏิเสธ แต่กลับมีการไปออกข่าวว่า ลูกไม่อยากเห็นหน้าพ่อ
นอกจากนี้ นายมาร์เชลยังได้ฝากของไว้ให้ลูกได้รับประทานอีกด้วย ทางนางรัตติกาลยังทำร้ายจิตใจ บอกว่า จะไม่ให้ลูกทาน ต่อมาเมื่อวันเสาร์ที่ 9 มีการฌาปนกิจศพลูกที่เสียชีวิต ซึ่งเรื่องงานศพไม่มีปัญหา เพราะทุกคนก็ไม่อยากให้มีปัญหา แต่หลังจากนั้น ทางนางรัตติกาลก็ยังไม่ให้เข้าเยี่ยมลูกๆ อีกเหมือนเดิม วันนี้จึงได้เดินทางมาแจ้งความเพื่อลงบันทึกไว้ว่า นางรัตติกาล ผู้เป็นแม่ ไม่ได้ทำตามข้อตกลงที่มีการทำกันไว้ ซึ่งทำต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ภายหลังเข้าให้ปากคำนานกว่า 3 ชั่วโมง นายมาร์เชล เลออง โบเรล ได้ออกมาให้สัมภาษผ่านทางนางนวพร เพื่อนสนิท ว่า วันนี้ตนเดินทางมา 1. เพื่อสอบถามเรื่องคดีความ 2. แจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับบุคคลที่ปล่อยปละละเลยเด็กทั้ง 4 คน จนทำให้ตกตึกลงมาได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต 3. มาให้ตำรวจช่วยไกล่เกลี่ยพูดคุยกับนางรัตติกาล ให้ได้เข้าพบลูก เพราะนางรัตติกาลทำผิดข้อตกลง และไม่ได้ตามสิทธิ์ที่ตกลงกันไว้ 4. เมื่อเด็กทั้ง 2 คนออกจาก รพ.แพทย์ปัญญา ทางตนไม่ไว้ใจฝ่ายแม่ คุณตา คุณยาย หลังจากนี้จะติดต่อประสานให้หน่วยงานกลาง เช่น มูลนิธิปวีณา เข้ามาดูแลเด็ก เพราะไม่ไว้ใจให้เด็กอยู่ภายใต้ความดูแลของนางรัตติกาลอีกต่อไป เพราะไม่อยากให้ลูกเกิดอันตรายหรือมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุอีก ซึ่งตั้งแต่เกิดเรื่องมาตลอด 17 วัน ตนได้เดินทางไปดูอาการลูกทุกวัน แม้จะไม่ได้เข้าไปเห็นหน้า แต่ตนก็ไปทุกวัน ตนยังมีคำถามที่อยากรู้ว่า ทำไมจึงไม่ให้ตนเข้าเยี่ยมลูก ทำไมถึงไม่ออกมาบอกว่าคุณอยากได้อะไร อย่าหลบหน้า และขอร้องอย่าไปสร้างเรื่องทำให้ลูกกลัวตน ตนแค่อยากเข้ามาเพื่อช่วยเหลือลูก
นายมาร์เชล เลออง โบเรล กล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องบัญชีที่มีผู้บริจาคเข้ามาช่วยเหลือผ่านบัญชีของนางรัตติกาลนั้น ตนไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย และไม่สนใจว่านางรัตติกาลจะนำไปใช้ส่วนตัวหรือทำอะไร ส่วนบัญชีของตนซึ่งได้เปิดเมื่อวันที่ 15 พ.ค. ที่ผ่านมานั้น เป็นบัญชีที่เงินไม่ได้มาจากการเปิดรับบริจาค แต่เป็นบัญชีที่ได้รับเงินที่ช่วยค่าทำบุญงานศพจากเพื่อนๆ และญาติที่อยู่ต่างประเทศ ซึ่งจะมีเงื่อนไขกับทางธนาคารว่า เงินดังกล่าวจะทำการเบิกถอนได้ จะต้องมีใบเสร็จค่ารักษาพยาบบาลไปยื่นเป็นหลักฐานในการเบิกจ่ายเท่านั้น ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ จะต้องมีผู้ดูและเซ็นบัญชีในการเบิกถอนเงินร่วมกันโดยมีพยาน 4 คน จึงจะนำเงินออกมาได้
นอกจากนี้ ขอชี้แจงเรื่องที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ ธิดารัตน์ ไมเคิล แมททิว ที่โพสต์ข้อความโจมตีกล่าวหาว่า ตนเปิดบัญชีมารับเงินผู้บริจาคไปใช้จ่ายส่วนตัวนั้น ในส่วนนี้จะแสดงความคิดเห็น หรือวิจารณ์อย่างไรก็ได้ แต่ไม่ควรที่จะไปตรวจสอบข้อมูลบัญชีส่วนตัว ซึ่งถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิ์ ส่วนเรื่องที่ตนแจ้งความประสงค์ให้ย้ายลูกมาพักรักษาตัวในห้องพิเศษนั้น ได้แจ้งความประสงค์ไปกับทางโรงพยาบาลแล้ว แต่ขณะนี้ยังไม่มีการย้ายห้องแต่อย่างใด
นายมาร์เชล เลออง โบเรล ยังได้ฝากไปถึงนางรัตติกาล ผ่านสื่อมวลชนด้วยว่า ในช่วงนี้เด็กๆ ยังคงรักษาตัวอยู่ ไม่ควรที่จะมาทะเลาะกัน ควรหันหน้ามาคุยกัน เพื่อช่วยกันดูแลให้ลูกๆ หายดีก่อน ส่วนจะมีความต้องการให้ตนทำอย่างไร ก็ให้มาพูดคุยเจรจากัน ที่ผ่านมาโดนปฏิเสธการเข้าช่วยเหลือมาโดยตลอด จะทะเลาะหรือฟ้องร้องศาลก็ค่อยทำหลังจากนี้ อยากขอให้นางรัตติกาลหยุดเถอะ ไม่ทราบว่าเขาต้องการอะไร อยากให้ทำเพื่อลูก นอกจากนี้ที่ผ่านมาพยายามตลอดเวลาที่จะได้ดูแลเด็กๆ บ้าง แต่ฝ่ายนางรัตติกาลไม่ให้พบ ไปที่โรงเรียน ก็สั่งห้ามคุณครูห้ามให้ตนพบน้อง ทั้งที่รู้ว่าตนมีสิทธิ์ที่จะฟ้องร้องต่อศาลที่จะถอนสิทธิ์นางรัตติกาลในการเลี้ยงดูได้ แต่ตนจะไม่ทำ เพราะคิดว่าคนเป็นแม่ก็มีสิทธิ์ในการดูแลเหมือนกัน
“ตั้งแต่เกิดเหตุมา ไม่เคยนอนหลับเลย กลัวจะเสียลูกๆ ไปอีก ที่ทำอยู่ทุกวันนี้ทำเพื่อลูก อยากให้นางรัตติกาลคิดเหมือนตนได้ไหม” นายมาร์เชล เลออง โบเรล กล่าว
สำหรับอาการของ ด.ญ.ซี อายุ 7 ปี รักษาตัวอยู่ห้องไอซียู รพ.รามคำแหง เมื่อวันที่ 16 พ.ค. แพทย์ได้ทำการเจาะคอเพื่อช่วยในการหายใจ อาการยังคงที่ ยังไม่ฟื้น แพทย์ได้ดูแลใกล้ชิดอย่างเต็มที่ ส่วนอาการของ ด.ญ.เอ อายุ 11 ปี และ ด.ช.บี อายุ 10 ปี ที่พักรักษาตัวที่ รพ.แพทย์ปัญญา ขณะนี้อาการดีขึ้นตามลำดับ อยู่ระหว่างการพักฟื้นให้ดีขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง