ตำรวจ สน.โชคชัย ดำเนินคดี "พ่อ-แม่" ผิดมาตรา 189 พบ "สันธนะ" หนีมาหลบซ่อนในบ้านพักตั้งแต่หัวค่ำวันที่ 11 พ.ค.
16 พ.ค. 61 มีรายงานข่าวแจ้งว่า พ.ต.อ.สุพล ค้ำชู ผกก.สน.โชคชัย รายงานถึง ผบ.ตร. รอง ผบ.ตร. (ปป.) หน.ฝอ.ศปก.ตร. ผบช.น. ผบก.น.4 รอง ผบก.น.4 กรณีให้ดำเนินคดี นายสมชาย ประยูรรัตน์ อายุ 90 ปี และนางนิตยา ประยูรรัตน์ อายุ 86 ปี ตาม ปจว. ข้อ 21 คดีอาญา ที่ 705/2561 ลงวันที่ 13 พ.ค. เวลา 16.10 น. ในข้อหาช่วยผู้อื่นซึ่งกระทำความผิดหรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดอันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องรับโทษโดยให้พำนัก โดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยด้วยประการอื่นใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม
รายละเอียดของรายงาน ระบุว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 พ.ค. ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 19.00 น. สถานีตำรวจนครบาลโชคชัย ได้รับข้อมูลมาว่า พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ ผู้ต้องหาในข้อหา ‘ร่วมกันกรรโชกทรัพย์’ ตามหมายจับของ สน.ดอนเมือง ได้หลบหนีมาพักที่บ้านเลขที่ 219 ถนนประดิษฐ์มนูธรรม แขวงและเขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ จึงจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบ พร้อมนำหมายจับไปเพื่อทำการจับกุม เมื่อไปถึงพบนักข่าวของสำนักข่าวช่องหนึ่งพร้อมกับพวก ไปรอทำข่าวอยู่บริเวณหน้าบ้าน จากการสอบถามนักข่าวทราบว่า พ.ต.ท.สันธนะ ผู้ต้องหาตามหมายจับ ได้หลบหนีมาพักที่บ้านของบิดา เมื่อทราบดังนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้พยายามติดต่อคนในบ้านเพื่อขอพบ พ.ต.ท.สันธนะ แต่ไม่สามารถติดต่อผู้ใดได้ เนื่องจากบ้านหลังดังกล่าวปิดล็อกประตูรั้วหน้าบ้านที่สูงและแน่นหนาไว้ไม่ให้ใครเข้าและไม่มีผู้ใดออกมาพบ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอหมายค้นจากศาลอาญาเพื่อจะเข้าตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาในช่วงเช้าวันที่ 12 พ.ค. กระทั่งเวลาประมาณ 06.30 น. ผู้ต้องหาก็เปิดบ้านออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าไปพบพร้อมแสดงหมายจับและจับกุมตัวมา สน.โชคชัย เพื่อลงบันทึกประจำวัน ก่อนส่งตัวไป สน.ดอนเมือง ดำเนินคดี
จากกรณีดังกล่าวเห็นว่า ผู้เป็นเจ้าของบ้านหลังที่ พ.ต.ท.สันธนะ อาศัยอยู่ มีพฤติการณ์ซ่อนเร้นหรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใดๆ เพื่อไม่ให้ถูกจับกุมฯ จึงได้ตรวจสอบชื่อเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว ทราบว่ามีผู้อาศัยอยู่เพียง 2 คน คือ นายสมชาย ประยูรรัตน์ เจ้าบ้าน และนางนิตยา ประยูรรัตน์ ซึ่งเป็นภรรยา จึงได้มีการประชุมพนักงานสอบสวน สน.โชคชัย ได้ข้อสรุปว่า พฤติการณ์ของเจ้าบ้านมีความผิดฐานช่วยผู้อื่นซึ่งกระทำความผิดหรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดอันมิใช่ความผิดลหุโทษฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 จึงได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีกับบุคคลทั้งสองตามกฎหมายต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง