หนุ่มวอร์มเครื่อง-เบิร์นยางรถ พลาดท่า รถพุ่งชนแท็กซี่สาหัส

              เมื่อเวลา 02.00 น.วันที่ 16 พ.ค.ร.ต.อ.ไกรสร อินปิ่น รอง สารวัตร(สอบสวน) สน.วังทองหลาง ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถเก๋งชนรถแท็กซี่ จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส

เหตุเกิดบริเวณถนนประดิษฐ์มนูธรรม ฝั่งขาเข้า ใกล้ปากซอยประดิษฐ์มนูธรรม 2 แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กทม. หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วังทองหลาง และกู้ชีพมูลนิธิป่อเต็กตึ้ง

              ที่เกิดเหตุพบรถยนตร์ ยี่ห้อนิสสัน รุ่นเซฟิโล่ สีขาว หมายเลขทะเบียน 6ว6391 กรุงเทพมหานคร สภาพด้านหน้ารถชนเข้ากับต้นไม้ จนกระจกและตัวเครื่องพังยับเยิน ล้อทั้ง 4 แตก ในห้องโดยสารมีคราบเลือดจำนวนมากตกอยู่ และมีเศษกระจกเต็มพื้นผิวถนน ห่างออกไปไม่ไกลพบร่องรอยการเผาไหม้ของยางรถ ส่วนผู้ขับขี่รถคันดังกล่าว ทราบชื่อภายหลังคือ นายเจฟฟี่ นินเซ่น ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทางหน่วยกู้ชีพรีบนำตัวส่ง รพ.เปาโล โชคชัย4 ไปก่อนหน้านี้

              นอกจากนี้พบรถแท็กซี่ โตโยต้า อัลติส สีชมพู หมายเลขทะเบียน ทษ6897 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ข้างทาง สภาพประตูฝั่งผู้โดยสารทั้งด้านหน้าและหลังยุบตัว เสียหาย และกระจกแตก โดยมีนายวิรุฬห์ สุวรรณวัชรชาติ อายุ 46 ปี ผู้ขับขี่แท็กซี่ยืนรอให้การกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

              จากการสอบสวน นายวิรุฬห์ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนได้ขับแท็กซี่รับผู้โดยสารมาจากร้านอาหารย่านทาวน์อินทาวน์ เพื่อไปส่งที่ถนนพระราม4 ระหว่างทางขับมาอยู่ช่องทางกลาง จนกระทั่งมาถึงจุดเกิดเหตุ พบรถคู่กรณีกำลังเบิร์นล้อรถ ลักษณะวอร์มเครื่อง เตรียมที่จะออกตัววิ่งแบบรถซิ่ง ตนจึงหักรถหลบไปช่องทางขวาสุด ทันใดนั้นรถคันดังกล่าวได้พุ่งทะยานมาใส่รถของตนฝั่งผู้โดยสาร และเสียหลักหันไปพุ่งชนต้นไม้ข้างทางดังกล่าว ส่วนผู้โดยสารที่นั่งรถตนมาด้วยนั้น ได้รับบาดเจ็บมีอาการชาที่ต้นคอ ทางหน่วยกู้ชีพได้รีบนำส่ง รพ.ไปแล้ว

              ทางด้าน ร.ต.อ.ไกรสร กล่าวว่า ขณะนี้ได้ติดต่อทางญาติผู้ขับขี่รถเก๋งรายนี้แล้ว โดยคนขับยังคงรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู รพ.เปาโล โชคชัย4 จึงยังไม่สามารถสอบปากคำได้ ทราบเพียงก่อนเกิดเหตุทางเจ้าของรถเก๋งรายนี้ได้ไปกินเลี้ยงงานวันเกิดเพื่อนใกล้จุดเกิดเหตุ กระทั่งมาเกิดเหตุดังกล่าว อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะต้องทำการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด และทำการสอบพยานแวดล้อม ก่อนจะสรุปสาเหตุที่แท้จริง และทำการแจ้งข้อหาผู้กระทำความผิดต่อไป